โบรกคาด 'แผ่นดินไหว' สะเทือน หุ้น 'อสังหาฯ-ท่องเที่ยว' หนักสุด
Loading

โบรกคาด 'แผ่นดินไหว' สะเทือน หุ้น 'อสังหาฯ-ท่องเที่ยว' หนักสุด

วันที่ : 31 มีนาคม 2568
โบรกคาดเหตุการณ์ "แผ่นดินไหวเมียนมาร์" กระทบ "หุ้นไทย" ระยะสั้น "บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์" มอง กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักสุด ยกให้ "อสังหาฯ-ท่องเที่ยว-ขนส่งมวลชน" ส่วนกลุ่มซ่อมแซมบ้านจะได้ประโยชน์ "บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล" มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงไปที่ในระดับ 1,150 จุด
   ตื่นตระหนกกันทั้งประเทศจาก เหตุระทึก "แผ่นดินไหวรุนแรง" โดยศูนย์กลาง ที่ประเทศเมียนมาร์ แต่สั่นสะเทือน ถึงเมืองไทยจนเกิดความโกลาหล อย่างหนักในช่วงวันศุกร์ (28 มี.ค.2568) ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องประกาศแจ้งปิดการซื้อขาย ทุกตลาด ทั้ง SET mai และ TFEX ในภาคบ่ายและภาคกลางคืน ตั้งแต่เวลา 14.07 น.เป็นต้นไป

   นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับผลกระทบ หลายด้าน จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วง วันศุกร์ที่ผ่านมา และตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (ตลท.) ได้หยุดทำการซื้อขาย ในภาคบ่ายทันที ถือว่าทำถูกต้องที่สุดแล้ว เนื่องจากผู้คนมีความหวาดกลัวยังไม่กล้า กลับเข้าไปในออฟฟิศ แต่มองเป็น ผลกระทบระยะสั้น คาดในช่วง 1-2 วัน หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบอาคาร ทำให้เห็นข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้แรงกดดันลดน้อยลง

   ทั้งนี้ คาดกลุ่มหุ้นที่จะได้รับผลกระทบ คงต้องยกให้"กลุ่มอสังหาริมทรัพย์"ขณะที่ "กลุ่มท่องเที่ยว" อาจจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน หากนักท่องเที่ยว จะเดินทางเข้ามาพักในโรงแรม อาจจะต้องขอยกเลิกไปก่อน ดังนั้น การท่องเที่ยวอาจจะลดลง และในช่วงนี้เป็นช่วงที่โลว์ซีซันคาดว่าน่าจะปรับตัวลงมาบ้างแต่ก็ไม่มาก

   ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในช่วงสึนามิ ตึกสูงในกทม.ก็สั่นคล้าย ๆ แบบนี้เช่นกัน แต่ไม่แรงเท่าครั้งนี้ ซึ่งทุกคนก็เกิดความกลัวกันไปสักระยะหนึ่ง ทำให้ นักท่องเที่ยวไม่กล้าไปเที่ยวยังภูเก็ต พังงา แต่พอผู้คนเริ่มคลายความวิตกกังวล ลงไปได้ก็จะกลับมาเช่นเดิม

   สิ่งที่น่าจับตามองและเป็นกังวลมาก ๆ ปัจจัยภายนอกประเทศ คงหนีไม่พ้น ความเสี่ยงในการถูกเก็บภาษี Reciprocal Tariff ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ แม้ว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" จะมีการผ่อนปรน แต่ย้อนไปช่วงที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐ ออกมาบอกว่า ประเทศที่จะโดนคือ 15 ประเทศ ซึ่งในนั้นมีไทยอยู่ด้วย จากเกณฑ์ของสหรัฐที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐ และจะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้ากับสหรัฐมากกว่าที่สหรัฐจัดเก็บ นั่นคือความไม่แฟร์ อย่างไทยคือ ได้รับสิทธิทางภาษีกับสหรัฐค่อนข้างมาก โดยเงื่อนไขทางภาษีเป็นเกมการเมืองที่จะทำให้เราต้องทำตามสหรัฐ ซึ่งหากมีการบีบก็จะใช้มาตรการภาษีเข้ามาบีบ

   นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า มองดาวน์ไซด์ ดัชนีหุ้นไทยจากการหยุดทำการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คาดวันนี้ (31 มี.ค.2568) น่าจะปรับตัวลงมา โดยมองดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงไปที่ในระดับ 1,150 จุด แต่ก็ยังไม่สามารถรับรู้หรือคาดการณ์ได้จะปรับตัวลงไปลึกระดับใด

   ทั้งนี้ หุ้นที่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนคือ กลุ่มอสังหาฯ โดยเฉพาะที่มี โครงการคอนโดมิเนียม ส่วนกลุ่มที่สอง ที่จะได้รับผลกระทบ "กลุ่มขนส่งมวลชน" หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหว ทำให้การเดินทาง อาจจะได้รับผลกระทบทาง Traffic ทั้ง MRT และ BTS รวมถึงการขับรถ และกลุ่มที่สาม "กลุ่มท่องเที่ยว" ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมในประเทศ ขณะที่ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ แผ่นดินไหวเป็น "กลุ่มตกแต่งบ้าน" อย่างหุ้น HMPRO

   "ในส่วนของหุ้นอสังหาฯ ผู้บริโภคอาจจะยังคงกังวลสำหรับคอนโดมิเนียม ที่มองว่าจะได้รับผลกระทบมากกว่า ทาวน์โฮม หรือบ้านเดี่ยวแนวราบ แต่ถ้าเทียบกับช่วงปี 2554 ในช่วงที่น้ำท่วมตอนนั้น คนกลัวก็อยากที่จะซื้อคอนโดมิเนียม แต่ตอนนี้กลับขากันเพราะมีเรื่องของ แผ่นดินไหวคนจะกลัวว่า ยิ่งตึกสูงยิ่งเสี่ยง ดังนั้น หุ้น SPALI ORI ในวันนี้ อาจได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ส่วนหุ้น BEM อาจจะต้องรอจังหวะเข้าลงทุน ขณะที่กลุ่มแบงก์สามารถเข้าไปลงทุนได้ รวมถึงกลุ่มส่งออก อย่าง HANA และสามารถเทรดดิ้งได้ในหุ้น HMPRO"