LALIN ชี้ทางหลวงพิเศษ สายบางขุนเทียน-ปากท่อ กระตุ้นตลาดอสังหาฯ โต
Loading

LALIN ชี้ทางหลวงพิเศษ สายบางขุนเทียน-ปากท่อ กระตุ้นตลาดอสังหาฯ โต

วันที่ : 5 กุมภาพันธ์ 2568
“ลลิล” คาดโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน–ปากท่อ กระตุ้นตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ตอนใต้เติบโต เหตุทำเลตามแนวทางหลวงพิเศษและจุดขึ้น-ลงมอเตอร์เวย์จะกลายเป็นพื้นที่ศักยภาพสูง
    นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการก่อสร้างของโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน–ปากท่อ หนึ่งโครงการภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และการเปิดใช้สะพานทศมราชัน หรือสะพานพระราม 10 ที่มีความกว้างที่สุดในประเทศไทย โดยมีช่องจราจรถึง 8 เลน ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนใต้ในหลายด้าน เช่น เป็นปัจจัยหนุนให้มูลค่าที่ดินปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวทางหลวงพิเศษ และบริเวณจุดขึ้น-ลงของมอเตอร์เวย์จะกลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพ จะเกิดการพัฒนาโครงการที่ใหม่ ๆ ทั้งโครงการหมู่บ้านจัดสรร โครงการคอนโดมิเนียม และโครงการเชิงพาณิชย์ รองรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้เส้นทางคมนาคมหลัก พื้นที่ชานเมือง เช่น บางบอน สมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี จะกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ทำงานในกรุงเทพฯ แต่ต้องการบ้านที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นในราคาที่คุ้มค่ากว่า

    ทั้งนี้ โซนที่อยู่อาศัยย่านกรุงเทพฯ ตอนใต้ ปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ติดกับย่านธุรกิจ CBD ซึ่งการจะหาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ CBD ในปัจจุบันก็เป็นเรื่องที่ยากขึ้น เพราะราคาที่ขยับสูงขึ้นนั่นเอง LALIN มองว่าพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนใต้ เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยอย่างยิ่ง

    สำหรับพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มกำลังซื้อจะเป็นทำเลย่านประชาอุทิศ เลียบถนนวงแหวนฯ รอบนอก และย่านสมุทรสาครที่ติดกับกรุงเทพฯ เช่น แสมดำและพันท้ายนรสิงห์ ที่ยังสามารถนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถจับต้องได้อยู่ สำหรับกลุ่มลูกค้าในโซนกรุงเทพฯ ตอนใต้ มีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งพนักงานบริษัทจนถึงเจ้าของกิจการ สังเกตได้จากระดับราคาของที่อยู่อาศัยเริ่มตั้งแต่ คอนโดมิเนียมราคา 1-2 ล้านบาท, ทาวน์โฮมราคา 2-4 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวราคา 5-20 ล้านบาท รวมถึงสาธารณูปโภคในพื้นที่นี้ก็พัฒนาไปอย่างมาก ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าที่มองหาบ้านโซนกรุงเทพฯ ตอนใต้ยังมีต่อเนื่อง ส่งผลให้ย่านธุรกิจหลัก ๆ ธุรกิจอุตสาหกรรม และการพัฒนาที่อยู่อาศัยในย่านนี้เกิดการขยายตัวควบคู่กันไป

    นายชูรัชฏ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างขายในพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนใต้ รวม 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วยแบรนด์ บ้านลลิล เดอะเพรสทีจประชาอุทิศ-สุขสวัสดิ์, ลลิล ทาวน์ วงแหวนฯ-พระราม2, แลนซิโอ คริป2 สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 90 และไลโอ สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 90 เป็นต้น ที่ครอบคลุมกรุงเทพฯ ใต้ โซนประชาอุทิศ สุขสวัสดิ์ พระราม 2 เอกชัย

    “ในอนาคตเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนใต้ ที่แตกต่างไปจากปัจจุบันอย่างมาก หากแผนการพัฒนาระบบคมนาคมทั้งหมดแล้วเสร็จ ถนนพระราม 2 จะกลายเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อ CBD สู่ภาคใต้และภาคตะวันตก จะช่วยส่งเสริมทั้งภาคการท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม ที่มีอยู่มากในภูมิภาคดังกล่าว ทำให้มูลค่าของที่ดินและที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีโอกาสปรับราคาสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะจากที่ดินที่เหลืออยู่ที่สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยได้นั้นเหลือน้อยลงทุกปี หากผู้ซื้อที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย อาจต้องเร่งตัดสินใจก่อนที่ราคาจะขยับขึ้นตามกลไกตลาด” นายชูรัชฏ์ กล่าว