SENA ชูโปรเจ็กต์เช่าออมบ้านพร้อมรุกธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป
วันที่ : 31 มกราคม 2568
SENA ปรับกลยุทธ์ลุยตลาดอสังหาปี 2568 ดันโปรเจ็กต์ "LivNex เช่าออมบ้าน" เปลี่ยนค่าเช่า เป็นเงินออม ช่วยลูกค้าเป็นเจ้าของบ้าน ง่ายขึ้น พร้อมโมเดล Subscription "RentNex" ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ โฟกัส ตลาดคอนโด 1.5-2 ล้านบาท มุ่งขยายฐาน ลูกค้าต่างชาติ ล่าสุดจับมือ MBK ติดตั้ง "โซลาร์ รูฟท็อป" ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ยังคงเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งปัญหา สินค้าล้นตลาดในเซ็กเมนต์ระดับบน อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่ยังคงมีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากปัญหาด้านโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ซึ่งสิ่งที่ต้องโฟกัสก่อนเป็นอันดับแรกคือ หนี้ภาคครัวเรือน และการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับประชาชน
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า เพื่อตอบสนอง กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน SENA ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการเงินใหม่ครบวงจร "LivNex เช่าออมบ้าน" (Pay like rent, Own like savings) จ่ายค่าเช่า เท่ากับมีเงินออม ช่วยให้ลูกค้าสามารถเช่าอสังหาริมทรัพย์ และเปลี่ยนสถานะเป็นเจ้าของภายในระยะเวลา 3 ปี โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่ไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อในครั้งแรก โดยบริษัทมีสถาบันการเงินภายใต้ชื่อ "เงินสดใจดี" สำหรับตรวจสอบเครดิตของลูกค้า และยังร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างประวัติสินเชื่อที่ดีและเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อในอนาคต
นอกจากนี้ SENA ยังได้เปิดตัวโมเดลเช่าสมาชิกแบบ Subscription Model ภายใต้ "RentNex" ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเช่าทรัพย์สินในหลากหลายเซ็กเมนต์ได้อย่างยืดหยุ่น โดยมองว่า จะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Generation Rent ที่เน้นการเช่าอยู่ มากกว่าความต้องการซื้อเพื่อเป็นเจ้าของ โดยลูกค้าสามารถเลือกเช่าแบบสมัครสมาชิกได้ ในโครงการคอนโด คุณภาพของเสนา ที่เริ่มต้นเช่าเพียง 6,700 บาทต่อเดือน
เน้นตลาดคอนโด
ในปีนี้ SENA วางแผนเปิดตัว โครงการใหม่ โดยเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียม ในช่วงราคา 1.5-2 ล้านบาท ซึ่งยังคงเป็น กลุ่มที่มีความต้องการสูง และลดการเปิดตัวโครงการแนวราบเพื่อลดปัญหาสินค้าล้นตลาด อีกทั้งบริษัทให้ความสำคัญ กับนวัตกรรมสีเขียวและสมาร์ทโฮม เช่น การติดตั้งระบบแบตเตอรีในแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเก็บพลังงานส่วนเกินการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน เช่น การวิเคราะห์ ข้อมูลเชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม ลูกค้า และวางแผนการตลาดที่ตรงจุด เป็นต้น
ผศ.ดร.เกษรา ยังมองว่ากลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง โดยลูกค้าชาวต่างชาติในปัจจุบันมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น และสนใจอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่เข้าถึงได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ในราคา 60,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ SANA มีโปรดักต์ที่หลากหลายในการรองรับลูกค้าในกลุ่มนี้
แม้ว่าปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่อาจเพิ่มขึ้น ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง แต่ SENA ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งคาดหวังว่ารัฐบาลจะช่วยสนับสนุนการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง รวมถึงติดตามความชัดเจนของกฎหมายเช่าระยะยาว 99 ปีสำหรับชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,818 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อผลประกอบการในอนาคต
ต่อยอดธุรกิจโซลาร์
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทเสนา โดย บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ร่วมกับศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ในเครือ เอ็ม บี เค ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงาน แสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่อาคารศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ขนาด 3,264.17 กิโลวัตต์
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า ล่าสุดได้ติดตั้ง ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งต่อยอดความสำเร็จจากการติดตั้งที่ศูนย์การค้า พาราไดซ์ เพลส โดยทั้ง 2 โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานให้กับผู้ใช้งาน แต่ยังส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในเชิงพาณิชย์ พร้อมสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง ESG
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า เพื่อตอบสนอง กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน SENA ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการเงินใหม่ครบวงจร "LivNex เช่าออมบ้าน" (Pay like rent, Own like savings) จ่ายค่าเช่า เท่ากับมีเงินออม ช่วยให้ลูกค้าสามารถเช่าอสังหาริมทรัพย์ และเปลี่ยนสถานะเป็นเจ้าของภายในระยะเวลา 3 ปี โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่ไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อในครั้งแรก โดยบริษัทมีสถาบันการเงินภายใต้ชื่อ "เงินสดใจดี" สำหรับตรวจสอบเครดิตของลูกค้า และยังร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างประวัติสินเชื่อที่ดีและเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อในอนาคต
นอกจากนี้ SENA ยังได้เปิดตัวโมเดลเช่าสมาชิกแบบ Subscription Model ภายใต้ "RentNex" ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเช่าทรัพย์สินในหลากหลายเซ็กเมนต์ได้อย่างยืดหยุ่น โดยมองว่า จะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Generation Rent ที่เน้นการเช่าอยู่ มากกว่าความต้องการซื้อเพื่อเป็นเจ้าของ โดยลูกค้าสามารถเลือกเช่าแบบสมัครสมาชิกได้ ในโครงการคอนโด คุณภาพของเสนา ที่เริ่มต้นเช่าเพียง 6,700 บาทต่อเดือน
เน้นตลาดคอนโด
ในปีนี้ SENA วางแผนเปิดตัว โครงการใหม่ โดยเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียม ในช่วงราคา 1.5-2 ล้านบาท ซึ่งยังคงเป็น กลุ่มที่มีความต้องการสูง และลดการเปิดตัวโครงการแนวราบเพื่อลดปัญหาสินค้าล้นตลาด อีกทั้งบริษัทให้ความสำคัญ กับนวัตกรรมสีเขียวและสมาร์ทโฮม เช่น การติดตั้งระบบแบตเตอรีในแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเก็บพลังงานส่วนเกินการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน เช่น การวิเคราะห์ ข้อมูลเชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม ลูกค้า และวางแผนการตลาดที่ตรงจุด เป็นต้น
ผศ.ดร.เกษรา ยังมองว่ากลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง โดยลูกค้าชาวต่างชาติในปัจจุบันมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น และสนใจอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่เข้าถึงได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ในราคา 60,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ SANA มีโปรดักต์ที่หลากหลายในการรองรับลูกค้าในกลุ่มนี้
แม้ว่าปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่อาจเพิ่มขึ้น ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง แต่ SENA ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งคาดหวังว่ารัฐบาลจะช่วยสนับสนุนการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง รวมถึงติดตามความชัดเจนของกฎหมายเช่าระยะยาว 99 ปีสำหรับชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,818 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อผลประกอบการในอนาคต
ต่อยอดธุรกิจโซลาร์
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทเสนา โดย บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ร่วมกับศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ในเครือ เอ็ม บี เค ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงาน แสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่อาคารศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ขนาด 3,264.17 กิโลวัตต์
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า ล่าสุดได้ติดตั้ง ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งต่อยอดความสำเร็จจากการติดตั้งที่ศูนย์การค้า พาราไดซ์ เพลส โดยทั้ง 2 โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานให้กับผู้ใช้งาน แต่ยังส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในเชิงพาณิชย์ พร้อมสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง ESG
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ