งูเล็กพ่นพิษแรง! ฉุดอสังหาฯ ซึมลึก เบรกลงทุน เปิดโครงการใหม่ต่ำสุดรอบ15ปี
วันที่ : 30 มกราคม 2568
งูเล็กพ่นพิษแรง! ฉุดอสังหาฯ ซึมลึก เบรกลงทุน เปิดโครงการใหม่ต่ำสุดรอบ15ปีจากปัญหารุมเร้าจาก “ความไม่แน่นอน” ภายในและภายนอกประเทศแลนด์แอนด์เฮ้าส์ -เฟรเซอร์ฯ-ศุภาลัย เปิดตัวโครงการ“ลดลง”
ภาวะเศรษฐกิจปี 2568 ส่อแววหลายปัญหารุมเร้าจาก “ความไม่แน่นอน” ในหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเตรียมรับมือกับความความท้าทายรอบด้านแบบขนานใหญ่ พิสูจน์ฝีมือ “ตัวจริง” ที่จะอยู่รอดได้!
หลังเปิดศักราชใหม่เดือนแรกแห่งปีนี้ บรรดาดีเวลลอปเปอร์บิ๊กคอร์ปทยอยประกาศแผนประจำปี สะท้อนทิศทางธุรกิจ เริ่มจากพี่ใหญ่แห่งวงการ “แลนด์แอนด์เฮ้าส์” ประกาศชัดว่าปี 2568 จะเปิดโครงการใหม่เพียง 4 โครงการ ต่ำสุดในรอบ 20 ปีทีเดียว ขณะที่ "เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้" เตรียมเปิด 6 โครงการ ล่าสุด “ศุภาลัย” เปิดตัว 36 โครงการใหม่ มูลค่า 46,000 ล้านบาท มากสุดขณะนี้ แต่เทียบปีก่อน “ลดลง” จากที่เปิดตัว 41 โครงการ มูลค่า 52,380 ล้านบาท
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 จะมีการเปิดตัวโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล น้อยที่สุดอย่างมีนัยสำคัญในรอบ 15 ปีย้อนหลัง ซึ่งขณะนั้นตัวเลขการเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 60,000 ยูนิต แต่ปีนี้อาจน้อยกว่านั้น เพราะตลาดแนวราบเปิดน้อยลง ส่วนคอนโดมิเนียมการขอ EIA (Environmental Impact Assessment Report) หรือ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยังน้อยอยู่ ฉะนั้นมีโอกาสอย่างมากที่การเปิดตัวโครงการในภาพรวมปีนี้จะต่ำสุดในรอบ 15 ปี!
จากประสบการณ์ในปีที่ผ่านมา พบว่า ดีมานด์ไม่ได้หายไป แม้ว่าหลายคนมองว่าตลาด “ไม่ดี” แต่คอนโดมิเนียมพร้อมโอน พร้อมขายของศุภาลัย “ขายดีมากที่สุด” ในรอบ 10 ปี สะท้อนว่าดีมานด์ยังมีอยู่ แต่จำนวนซัพพลายมี “จำกัด” ขณะที่ดอกเบี้ยปี 2568 มีแนวโน้มปรับ “ลดลง” ท่ามกลางการรอคอยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว พร้อมกับความหวังว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ออกมาอีกครั้้ง นั่นหมายความว่า “จุดต่ำสุด” ของอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ตลาดปีนี้ไม่เลวร้ายไปกว่าปี 2567
“ไม่ว่าตลาดจะดีหรือแย่ แต่การที่สถานะการเงินของเราแข็งแรง มีความพร้อมในทุกด้าน ศุภาลัยจะใช้โอกาสในช่วงที่การเปิดตัวโครงการไม่เยอะในการกินมาร์เก็ตแชร์คู่แข่ง”
ขณะที่ ธนพล ศิริธนชัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ของบริษัทปี 2568 สะท้อนถึงการปรับตัว และมุ่งสร้างการเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศโดยมองว่าการมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ สร้าง “แรงกดดัน” ในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่ยังคงพึ่งพิงการท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะเดียวกันการส่งออกก็มีความไม่แน่นอนจากกำแพงภาษีสหรัฐ
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นในตลาดทุนของไทยยังอยู่ในภาวะอ่อนไหว หนี้ครัวเรือนสูง และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดจากธนาคาร ส่งผลให้การลงทุนในธุรกิจต่างๆ ชะลอตัว ขณะที่การดำเนินธุรกิจในหลายภาคส่วนต้นทุนสูงขึ้นจากค่าแรงและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
“ภาคอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มที่ท้าทายในหลายๆ ส่วน เช่น ตลาดบ้านหรูที่เริ่มอิ่มตัวจากการที่ซัพพลายเพิ่มขึ้น แต่ดีมานด์กลับลดลง โดยเฉพาะบ้านระดับลักชัวรี ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมยังคงมีการเติบโตจากความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติ”
เฟรเซอร์สฯ วางแผนเปิดโครงการใหม่หลายแห่งทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดระดับลักชัวรี รวมถึงคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮมพรีเมียมในทำเลต่างๆ เช่น กรุงเทพ นครราชสีมา และขอนแก่น รวมทั้งการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะ “จีน” ด้วยการจัดโรดโชว์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่สนใจโครงการคอนโดมิเนียม ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน
นพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ประเมินว่า อสังหาริมทรัพย์ปี 2568 อยู่ในภาวะ “ทรงตัว” แม้จะมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง และคาดการณ์เศรษฐกิจเติบโต 2.9% แต่เครืื่องยนต์เศรษฐกิจใหญ่อย่างการส่งออก “ชะลอตัว” ทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่สูงมากนัก ทั้งยังเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม ขณะที่ความต้องการซื้อในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับแรงกดดันจากสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) และภาวะหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ยอดปฏิเสธสินเชื่อ หรือ รีเจกต์เรตสูง!
จากตัวเลขรีเจกต์เรตเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% ของบริษัทในทุกกลุ่มระดับราคา สะท้อนว่าตลาดยังมีความเสี่ยง! จำเป็นต้งปรับแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยปีนี้มีการเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,180 ล้านบาท
"การเปิดตัวลดลง 64% จากปีที่ผ่านมา ที่มีการเปิดตัว 12 โครงการใหม่ มูลค่า 30,850 ล้านบาท ซึ่ง 3-4 ปีที่ผ่านมา เราทยอยลดการพัฒนาโครงการลงมาเรื่อยๆ จากอดีตเคยเปิด 15-16 โครงการต่อปี เหลือ 11-12 โครงการ ล่าสุดลงมาที่ 4 โครงการ เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี เราพยายามบาลานซ์พอร์ตให้เหมาะสม”
ก่อนหน้านี้ มีบางดีเวลลอปเปอร์ส่งสัญญาณ “ไม่เปิดตัวโครงการใหม่” หรือ “เปิดตัวลดลง” หนึ่งในนั้น ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2568 ไม่มีแผนเปิดโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมใหม่ เพราะตลาดยังไม่ฟื้นตัวดี มีปัญหาขอสินเชื่อไม่ผ่าน โดยเฉพาะกลุ่ม 3 ล้านบาท เป็นผลจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูง ความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ
ปัจจุบัน บริษัทยังมีโครงการเพียงพอที่จะรับรู้รายได้ จึงไม่จำเป็นต้องเปิดโครงการใหม่เพิ่ม โดยมีโครงการเก่า “บ้าน” และ “คอนโดมิเนียม” มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท พอต่อการรองรับดีมานด์ลูกค้าในช่วงเวลานี้
หลังเปิดศักราชใหม่เดือนแรกแห่งปีนี้ บรรดาดีเวลลอปเปอร์บิ๊กคอร์ปทยอยประกาศแผนประจำปี สะท้อนทิศทางธุรกิจ เริ่มจากพี่ใหญ่แห่งวงการ “แลนด์แอนด์เฮ้าส์” ประกาศชัดว่าปี 2568 จะเปิดโครงการใหม่เพียง 4 โครงการ ต่ำสุดในรอบ 20 ปีทีเดียว ขณะที่ "เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้" เตรียมเปิด 6 โครงการ ล่าสุด “ศุภาลัย” เปิดตัว 36 โครงการใหม่ มูลค่า 46,000 ล้านบาท มากสุดขณะนี้ แต่เทียบปีก่อน “ลดลง” จากที่เปิดตัว 41 โครงการ มูลค่า 52,380 ล้านบาท
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 จะมีการเปิดตัวโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล น้อยที่สุดอย่างมีนัยสำคัญในรอบ 15 ปีย้อนหลัง ซึ่งขณะนั้นตัวเลขการเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 60,000 ยูนิต แต่ปีนี้อาจน้อยกว่านั้น เพราะตลาดแนวราบเปิดน้อยลง ส่วนคอนโดมิเนียมการขอ EIA (Environmental Impact Assessment Report) หรือ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยังน้อยอยู่ ฉะนั้นมีโอกาสอย่างมากที่การเปิดตัวโครงการในภาพรวมปีนี้จะต่ำสุดในรอบ 15 ปี!
จากประสบการณ์ในปีที่ผ่านมา พบว่า ดีมานด์ไม่ได้หายไป แม้ว่าหลายคนมองว่าตลาด “ไม่ดี” แต่คอนโดมิเนียมพร้อมโอน พร้อมขายของศุภาลัย “ขายดีมากที่สุด” ในรอบ 10 ปี สะท้อนว่าดีมานด์ยังมีอยู่ แต่จำนวนซัพพลายมี “จำกัด” ขณะที่ดอกเบี้ยปี 2568 มีแนวโน้มปรับ “ลดลง” ท่ามกลางการรอคอยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว พร้อมกับความหวังว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ออกมาอีกครั้้ง นั่นหมายความว่า “จุดต่ำสุด” ของอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ตลาดปีนี้ไม่เลวร้ายไปกว่าปี 2567
“ไม่ว่าตลาดจะดีหรือแย่ แต่การที่สถานะการเงินของเราแข็งแรง มีความพร้อมในทุกด้าน ศุภาลัยจะใช้โอกาสในช่วงที่การเปิดตัวโครงการไม่เยอะในการกินมาร์เก็ตแชร์คู่แข่ง”
ขณะที่ ธนพล ศิริธนชัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ของบริษัทปี 2568 สะท้อนถึงการปรับตัว และมุ่งสร้างการเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศโดยมองว่าการมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ สร้าง “แรงกดดัน” ในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่ยังคงพึ่งพิงการท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะเดียวกันการส่งออกก็มีความไม่แน่นอนจากกำแพงภาษีสหรัฐ
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นในตลาดทุนของไทยยังอยู่ในภาวะอ่อนไหว หนี้ครัวเรือนสูง และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดจากธนาคาร ส่งผลให้การลงทุนในธุรกิจต่างๆ ชะลอตัว ขณะที่การดำเนินธุรกิจในหลายภาคส่วนต้นทุนสูงขึ้นจากค่าแรงและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
“ภาคอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มที่ท้าทายในหลายๆ ส่วน เช่น ตลาดบ้านหรูที่เริ่มอิ่มตัวจากการที่ซัพพลายเพิ่มขึ้น แต่ดีมานด์กลับลดลง โดยเฉพาะบ้านระดับลักชัวรี ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมยังคงมีการเติบโตจากความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติ”
เฟรเซอร์สฯ วางแผนเปิดโครงการใหม่หลายแห่งทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดระดับลักชัวรี รวมถึงคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮมพรีเมียมในทำเลต่างๆ เช่น กรุงเทพ นครราชสีมา และขอนแก่น รวมทั้งการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะ “จีน” ด้วยการจัดโรดโชว์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่สนใจโครงการคอนโดมิเนียม ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน
นพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ประเมินว่า อสังหาริมทรัพย์ปี 2568 อยู่ในภาวะ “ทรงตัว” แม้จะมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง และคาดการณ์เศรษฐกิจเติบโต 2.9% แต่เครืื่องยนต์เศรษฐกิจใหญ่อย่างการส่งออก “ชะลอตัว” ทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่สูงมากนัก ทั้งยังเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม ขณะที่ความต้องการซื้อในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับแรงกดดันจากสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) และภาวะหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ยอดปฏิเสธสินเชื่อ หรือ รีเจกต์เรตสูง!
จากตัวเลขรีเจกต์เรตเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% ของบริษัทในทุกกลุ่มระดับราคา สะท้อนว่าตลาดยังมีความเสี่ยง! จำเป็นต้งปรับแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยปีนี้มีการเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,180 ล้านบาท
"การเปิดตัวลดลง 64% จากปีที่ผ่านมา ที่มีการเปิดตัว 12 โครงการใหม่ มูลค่า 30,850 ล้านบาท ซึ่ง 3-4 ปีที่ผ่านมา เราทยอยลดการพัฒนาโครงการลงมาเรื่อยๆ จากอดีตเคยเปิด 15-16 โครงการต่อปี เหลือ 11-12 โครงการ ล่าสุดลงมาที่ 4 โครงการ เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี เราพยายามบาลานซ์พอร์ตให้เหมาะสม”
ก่อนหน้านี้ มีบางดีเวลลอปเปอร์ส่งสัญญาณ “ไม่เปิดตัวโครงการใหม่” หรือ “เปิดตัวลดลง” หนึ่งในนั้น ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2568 ไม่มีแผนเปิดโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมใหม่ เพราะตลาดยังไม่ฟื้นตัวดี มีปัญหาขอสินเชื่อไม่ผ่าน โดยเฉพาะกลุ่ม 3 ล้านบาท เป็นผลจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูง ความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ
ปัจจุบัน บริษัทยังมีโครงการเพียงพอที่จะรับรู้รายได้ จึงไม่จำเป็นต้องเปิดโครงการใหม่เพิ่ม โดยมีโครงการเก่า “บ้าน” และ “คอนโดมิเนียม” มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท พอต่อการรองรับดีมานด์ลูกค้าในช่วงเวลานี้
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ