นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดให้บริการโรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย จำนวน 234 ห้อง มูลค่าลงทุน 2,000 ล้านบาท รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ผสานการทำงานและการพักผ่อน กลุ่มดิจิทัลโนแมด กลุ่มไมซ์ นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของไลฟ์สไตล์หรือกลุ่มลักชัวรี่ที่มองหาประสบการณ์การพักผ่อน โดยโรงแรมมีเลีย พัทยา เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนา AWC's Lifestyle Destination ในพัทยา ประกอบด้วย อควอทีค เดสทิเนชั่น พัทยา โครงการระดับแฟลกชิป และโรงแรมอีก 6 แห่ง เงินลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้เมืองพัทยาก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางริมทะเลและเสริมแกร่งให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก และปัจจุบันหลังการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ทำให้อัตราการเข้าพัก ค่าห้องโรงแรมในเครือ AWC ดีขึ้นมาก

    นายอาชวิณ อัศวโภคิน รองกรรมการ ผู้จัดการและผู้บริหารสูงสุดด้านการเงิน บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและบริการ มีโรงแรมอยู่ภายใต้การบริหาร 7 แห่ง คือ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ที่เปิดดำเนินการแล้ว 7 แห่ง มูลค่ารวม 14,700 ล้านบาท โดยขายเข้ากองทรัสต์ 6 แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 แห่ง ได้แก่ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี มิกซ์ยูส มูลค่า 4,800 ล้านบาท ประกอบด้วยพื้นที่สำนักงาน 12,700 ตร.ม. โรงแรม 512 ห้อง เปิดวันที่ 1 เมษายนนี้, แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ 2 มูลค่า 4,600 ล้านบาท จะเปิดไตรมาสแรกปี 2569 และแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา 3 มูลค่า 4,300 ล้านบาท จะเปิดไตรมาสแรกปี 2570 ทั้ง 3 แห่งเป็นโรงแรมลักชัวรี่ ขนาดประมาณ 500 ห้อง ซึ่งเป็นสเกลที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป โดยทุกโรงแรมเมื่อเปิดครบ 3 ปี จะขายเข้ากองทรัสต์ เพื่อนำเงินที่ได้ไปสร้างโครงการใหม่ขยายพอร์ตเพิ่ม และการที่เน้นลงทุนโรงแรมในพัทยาถึง 3 แห่ง เนื่องจากพัทยาสามารถเที่ยวได้ตลอดเวลาและทุกวัย เทียบกับภูเก็ตที่การท่องเที่ยวจะเป็นไปตามฤดูกาล อย่างไรก็ตามความท้าทายการแข่งขันโรงแรมในโซนซีบีดี คือ คู่แข่งค่อนข้างมาก จุดแข็งของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ คือ คุณภาพ บริการที่ดี และราคาเข้าถึงได้