อสังหาฯรายกลาง-เล็กซึมพิษ 'รีเจ็กต์เรต'
วันที่ : 30 มกราคม 2568
อสังหาฯรายกลาง-เล็กอ่วมรีเจ็กต์เรตพุ่ง 70% กำลังซื้อในตลาดหาย ปรับแผนลงทุน รักษากระแสเงินสด 'เพอร์เฟค'ผุดแนวราบ 6 โครงการเก่าปี'67 'สถาพร'เน้นขายสต๊อกเก่า 'รีเจ้นท์โฮม' ลุย 5 ทำเล กัน 25% ปล่อยเช่ารับ เทรนด์รุ่นใหม่ เน้นเช่ามากกว่าซื้อ
รื้อแผนลงทุน-เร่งระบายสต๊อก-กำเงินสด 'รีเจ้นท์โฮม' ลุยโมเดลเช่ารับเทรนด์ตลาด
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2568 เบื้องต้นเน้นขายโครงการเดิม และเปิดตัวใหม่ 6 โครงการ เป็นแนวราบทั้งหมด โดยเป็นโครงการเลื่อนมาจากปี 2567 เพราะภาวะเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีที่แล้วยังไม่มีสัญญาณฟ้นตัว มีปัญหาหนี้ครัวเรือน การรีเจ็กต์เรตยังคงอยู่ระดับสูงถึง 70% ทำให้บริษัทเลื่อนเปิดโครงการมาเป็นปีนี้แทน ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่ของตลาดอสังหาฯในขณะนี้คือคนไม่มีกำลังซื้อ การเข้าถึงสินเชื่อยากแทบจะทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะราคาต่ำ 3 ล้านบาทที่มีปัญหามากสุด อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เช่น ลดค่าโอนและจำนองเหลือ 0.01% ผ่อนปรนมาตรการ LTV เป็นต้น
นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด กล่าวว่า แผนธุรกิจปี 2568 บริษัทเน้นการบาลานซ์สต๊อกเก่าที่พร้อมขายพร้อมโอนและการสร้างโครงการใหม่ โดยจะปรับลดการพัฒนาสินค้าสร้างเสร็จก่อนขายลงให้สอดรับกับระยะเวลาขาย เพื่อไม่ให้มีสต๊อกสินค้าไว้มากเหมือนที่ผ่านมา ยังเป็นการเพิ่มความระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะหากสต๊อกมาก เช่น จากลูกค้ากู้ไม่ผ่าน บริษัทก็ต้องจัดงบทำการตลาดและการขายเพิ่มอีกรอบ
"ปี 2568 ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องรีเจ็กต์เรตที่แนวโน้มจะยังไม่ปรับตัวลดลง ทำให้สถานการณ์ตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีนี้จะเห็น ผู้ประกอบการเน้นขายสินค้าเก่าเพื่อรักษากระแสเงินสด ยังไม่กล้าลงทุนใหม่ เพื่อรอเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟ้นตัว ส่วนของสถาพรเองก็ต้องรอดูจังหวะเวลาเปิดตัวโครงการใหม่เช่นกัน" นายสุนทรกล่าว
นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมรีเจ้นท์ โฮม กล่าวว่า ปี 2568 บริษัทจะเริ่มก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 5 โครงการ สูง 8 ชั้น ประมาณ 5,000 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 1.2 ล้านบาทต่อยูนิต ได้แก่ ทำเลหัวหมาก, พหลโยธิน 52, สุขุมวิท 93, สุขุมวิท 107 และสุขุมวิท 109 ยังมีอีก 2 โครงการใหม่รออนุมัติรายงาน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ได้แก่ โครงการวุฒากาศและวงศ์สว่าง เป็นอาคารสูงเกิน 30 ชั้น ประมาณ 4,000 ยูนิต ส่วนโครงการที่พระราม 4 รอความชัดเจนโครงการเอ็นเตอร์ เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ภาครัฐจะพัฒนาย่านท่าเรือคลองเตย ถ้าหากบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมขายราคา 1.5 ล้านบาทต่อยูนิต คงไม่คุ้มกับราคาที่ดินปัจจุบัน จึงชะลอไว้ก่อน
"แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อตลาดอสังหาฯยังไม่ค่อยดี รีเจ็กต์สูง แต่กว่าคอนโดแต่ละโครงการจะสร้างเสร็จก็ใช้เวลาเป็นปี และเรายังมีแนวคิดปรับรูปแบบการขายใหม่ จากเดิมเป็นการขายขาด จะแบ่งห้องของแต่ละโครงการประมาณ 25% มาทำเป็นการให้เช่าแทน เพื่อรองรับกับเทรนด์ตลาดปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่หันมาเช่ามากกว่าซื้อ" นายนิรัตน์กล่าว
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2568 เบื้องต้นเน้นขายโครงการเดิม และเปิดตัวใหม่ 6 โครงการ เป็นแนวราบทั้งหมด โดยเป็นโครงการเลื่อนมาจากปี 2567 เพราะภาวะเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีที่แล้วยังไม่มีสัญญาณฟ้นตัว มีปัญหาหนี้ครัวเรือน การรีเจ็กต์เรตยังคงอยู่ระดับสูงถึง 70% ทำให้บริษัทเลื่อนเปิดโครงการมาเป็นปีนี้แทน ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่ของตลาดอสังหาฯในขณะนี้คือคนไม่มีกำลังซื้อ การเข้าถึงสินเชื่อยากแทบจะทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะราคาต่ำ 3 ล้านบาทที่มีปัญหามากสุด อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เช่น ลดค่าโอนและจำนองเหลือ 0.01% ผ่อนปรนมาตรการ LTV เป็นต้น
นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด กล่าวว่า แผนธุรกิจปี 2568 บริษัทเน้นการบาลานซ์สต๊อกเก่าที่พร้อมขายพร้อมโอนและการสร้างโครงการใหม่ โดยจะปรับลดการพัฒนาสินค้าสร้างเสร็จก่อนขายลงให้สอดรับกับระยะเวลาขาย เพื่อไม่ให้มีสต๊อกสินค้าไว้มากเหมือนที่ผ่านมา ยังเป็นการเพิ่มความระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะหากสต๊อกมาก เช่น จากลูกค้ากู้ไม่ผ่าน บริษัทก็ต้องจัดงบทำการตลาดและการขายเพิ่มอีกรอบ
"ปี 2568 ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องรีเจ็กต์เรตที่แนวโน้มจะยังไม่ปรับตัวลดลง ทำให้สถานการณ์ตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีนี้จะเห็น ผู้ประกอบการเน้นขายสินค้าเก่าเพื่อรักษากระแสเงินสด ยังไม่กล้าลงทุนใหม่ เพื่อรอเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟ้นตัว ส่วนของสถาพรเองก็ต้องรอดูจังหวะเวลาเปิดตัวโครงการใหม่เช่นกัน" นายสุนทรกล่าว
นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมรีเจ้นท์ โฮม กล่าวว่า ปี 2568 บริษัทจะเริ่มก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 5 โครงการ สูง 8 ชั้น ประมาณ 5,000 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 1.2 ล้านบาทต่อยูนิต ได้แก่ ทำเลหัวหมาก, พหลโยธิน 52, สุขุมวิท 93, สุขุมวิท 107 และสุขุมวิท 109 ยังมีอีก 2 โครงการใหม่รออนุมัติรายงาน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ได้แก่ โครงการวุฒากาศและวงศ์สว่าง เป็นอาคารสูงเกิน 30 ชั้น ประมาณ 4,000 ยูนิต ส่วนโครงการที่พระราม 4 รอความชัดเจนโครงการเอ็นเตอร์ เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ภาครัฐจะพัฒนาย่านท่าเรือคลองเตย ถ้าหากบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมขายราคา 1.5 ล้านบาทต่อยูนิต คงไม่คุ้มกับราคาที่ดินปัจจุบัน จึงชะลอไว้ก่อน
"แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อตลาดอสังหาฯยังไม่ค่อยดี รีเจ็กต์สูง แต่กว่าคอนโดแต่ละโครงการจะสร้างเสร็จก็ใช้เวลาเป็นปี และเรายังมีแนวคิดปรับรูปแบบการขายใหม่ จากเดิมเป็นการขายขาด จะแบ่งห้องของแต่ละโครงการประมาณ 25% มาทำเป็นการให้เช่าแทน เพื่อรองรับกับเทรนด์ตลาดปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่หันมาเช่ามากกว่าซื้อ" นายนิรัตน์กล่าว
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ