'ทรัมป์' มา! อสังหาฯไทยตั้งรับทุนจีนไหลบ่า
Loading

'ทรัมป์' มา! อสังหาฯไทยตั้งรับทุนจีนไหลบ่า

วันที่ : 18 มกราคม 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบ ที่อยู่อาศัยรอการขายหรือสต๊อกยกยอด มาในปีนี้ ณ ไตรมาสที่ 3 ปี2567 กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมีหน่วยเหลือขายสูงถึง 215,800 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.2% มูลค่า 1,313,487 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3% โดยเพิ่มขึ้นทุกระดับราคาเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ของคนจีน มีจำนวน 4,386 หน่วย คิดเป็น 39.7% รวมมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 20,201 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 39.3% ของชาวต่างชาติทั้งหมด
     ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมาอีกทั้งปัจจัยภายนอก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การหวนคืนตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯของ "โดนัลด์ ทรัมป" วันที่20มกราคม ที่ประเมินว่าไทยจะมีทั้งผลดีและผลเสีย จากมาตรการผู้นำสหรัฐ ที่จะดำเนินการกับมหาอำนาจจีนจากสงครามการค้า ซ้ำเติมเศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่กำลังซื้อซบเซา และอาจมีผลพวงมาถึงอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่คาดหวังปีนี้จีนน่าจะซื้อที่อยู่อาศัยในไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมเพื่อดูดซับสต๊อกที่มีอยู่ให้ลดลง

    ทั้งนี้ในภาพรวมจีนยังคงครองแชมป์ซื้อคอนโดมิเนียมในไทย แม้อัตราซื้ออาจลดลง จากช่วงก่อนสถานการณ์โควิดก็ตาม นอกจากนี้ ผลที่ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐ จะเกิดการไหลบ่าของทุนจีนย้านฐานการผลิตโดยใช้ไทยเป็น สมรภูมิส่งออก หนีกำแพงภาษี โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ซึ่งผลที่ตามมาคือความต้องการที่อยู่อาศัยแต่ผลร้ายไทยอาจเจอลูกหลงตามไปด้วย จากนโยบายทรัมป์ที่มีต่อจีน

    ท่ามกลางทุนจีนไหลบ่าเข้าซื้อที่ดินตั้งโรงงานในไทยภายใต้บริษัทสัญชาติไทย อีกแง่มุมมองของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยตั้งข้อสังเกตนอกจากจีนเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในไทย แล้ว จะมีการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยเอง แข่งกับผู้ประกอบการไทย ทั้งด้วยสินค้าวัสดุก่อสร้างที่มีต้นทุนต่ำ เทคโนโลยีทันสมัยก่อสร้างได้รวดเร็ว ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องตั้งรับและปรับตัว ยังไม่รวมแนวโน้มทุนจีนรายใหญ่เข้ามาร่วมทุนเป็นพันธมิตรกับ ผู้ประกอบการไทยเพิ่มขึ้น

    ในมุมกลับกัน มีจำนวนไม่น้อยที่ชาวจีน ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบการไทย ซึ่งช่วยให้ อสังหาริมทรัพย์ในประเทศได้อานิสงส์ จากโครงการที่เปิดขายใหม่และสต๊อกที่มี

    สะท้อนตัวเลข ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) พบ ที่อยู่อาศัยรอการขายหรือสต๊อกยกยอด มาในปีนี้ ณ ไตรมาสที่ 3 ปี2567 กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมีหน่วยเหลือขายสูงถึง 215,800 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.2% มูลค่า 1,313,487 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3% โดยเพิ่มขึ้นทุกระดับราคาเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ของคนจีน มีจำนวน 4,386 หน่วย คิดเป็น 39.7% รวมมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 20,201 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 39.3% ของชาวต่างชาติทั้งหมด

    "คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ประเทศไทย" มองกำลังซื้อต่างชาติในปี2568 คาดว่าจะมากกว่าปีที่ผ่านมา และกลุ่มของผู้ซื้อก็ยังคงเป็นกลุ่มเดิม คือ จีน รัสเซีย เมียนมา ไต้หวัน ยุโรป สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ผู้ประกอบการไทยจะพยายามหาช่องทางในการเข้าถึงกำลังซื้อต่างชาติให้ได้มากขึ้น ทั้งด้วยตนเอง และการหาเครือข่ายหรือพันธมิตร เพื่อต้องการปิดการขายให้เร็ว และเพื่อการระบายสต๊อกคงเหลือของตนเอง กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนคาดว่าจะมากขึ้น ทั้งจากการเข้ามาลงทุนด้วยตนเองเพราะในประเทศจีนลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้แล้ว และการเข้ามาในประเทศไทยด้วยเหตุผลอื่นๆ เช่น ลงทุนทำธุรกิจเพราะในประเทศจีนอาจจะทำได้ลำบากมากขึ้น เข้ามาเพราะบุตรหลานมาเรียนหนังสือในประเทศไทยเลยต้องหาที่พักระยะยาว และลงทุนธุรกิจเพื่อที่จะได้อยู่ในประเทศไทยได้ยาวนานขึ้น การแข่งขันเพื่อดึงดูดกำลังซื้อต่างชาติโดยเฉพาะคนจีนคาดว่าจะมากขึ้นแน่นอน

    เห็นได้ชัดเจนเลยว่าการเข้ามาของคนจีนทั้งเพื่อการลงทุนธุรกิจทำงาน รวมไปถึงกลุ่มที่เข้ามาใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทยล้วนมีมากมายกลุ่มที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ คนที่เขามาตั้งบริษัทหรือลงทุนธุรกิจในประเทศไทย เพราะจากสถิติของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ก็ชัดเจนว่าคนจีนเข้าลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และมากกว่าประเทศอื่นๆ ไปแล้ว 9 เดือนที่ผ่านมาการลงทุนจากประเทศจีนที่ได้รับอนุมัติจาก BOI มีมูลค่าถึง 146,356 ล้านบาท รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของนิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งเป็นคนจีนในประเทศไทย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 มีจำนวนถึง 29,913 รายมูลค่าเงินจดทะเบียนทั้งหมด 409,295 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 9.82% และปี 2568 มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นอีกจากนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา เมื่อการเข้ามาของนักลงทุน นักธุรกิจจีนมีมากขึ้น จำนวนคนจีนที่ได้ใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยจึงมากขึ้นด้วย โดย ณ เดือนตุลาคม 2567 มีคนจีนที่ได้ใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยทั้งหมดประมาณ 41,752 คน มากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศ อื่นๆ และมากกว่าญี่ปุ่นที่ครองอันดับที่มามากกว่า 10 ปีไปแล้วตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ดังนั้น ณ ปัจจุบัน คนจีนที่เข้ามาในประเทศไทยด้วยเหตุผลต่างๆ จึงกลายเป็น 1 ในกำลังซื้อสำคัญของตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย

    จากการตรวจสอบของ"ฐานเศรษฐกิจ" ยังพบว่า นักลงทุนจีนรายใหญ่ค่ายมือถือ เข้ามาตั้งฐานในไทยได้เหมาคอนโดมิเนียม ยกโครงการให้พนักงานของเขาอยู่ในทำเลแถบ ย่านพระราม9 เป็นต้น และมองว่าจะมีมากขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวนกำลังซื้อของคนไทยชะลอตัว

    อย่างไรก็ตาม การหวนคืนผู้นำประเทศของ "ทรัมป์" มีทั้งผลดีและผลกระทบที่รัฐบาลไทยต้อง ตั้งรับไม่ใช่เพียงแค่ นักธุรกิจ!!!
 
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ