REIC แจงปี 2567 มาตรการลดค่าโอน-จำนอง ราคาไม่เกิน 7 ล้าน อุ้มอสังหาฯได้จริง
Loading

REIC แจงปี 2567 มาตรการลดค่าโอน-จำนอง ราคาไม่เกิน 7 ล้าน อุ้มอสังหาฯได้จริง

วันที่ : 13 มีนาคม 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC เปิดเผยว่า จากการที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ต่ออายุมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท เนื่องจากเป็นมาตรการที่หมดอายุลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ทาง REIC มีข้อมูลยืนยันว่า การมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ที่ออกโดยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 และมีผลบังคับใช้ถึง 31 ธันวาคม 2567 มีผลบวกกับการซื้อและโอนที่อยู่อาศัยในปี 2567
   REIC แจงปี 2567 มาตรการลดค่าโอน-จำนอง ราคาไม่เกิน 7 ล้าน อุ้มอสังหาฯ ได้จริง

   นางสาวสิทธิเพ็ญ สิทธัตถพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC เปิดเผยว่า จากการที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ต่ออายุมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท เนื่องจากเป็นมาตรการที่หมดอายุลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

    ทาง REIC มีข้อมูลยืนยันว่า การมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ที่ออกโดยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 และมีผลบังคับใช้ถึง 31 ธันวาคม 2567 มีผลบวกกับการซื้อและโอนที่อยู่อาศัยในปี 2567 โดยมาตรการมีจุดเน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้ซื้อระดับกลาง-ล่างเป็นหลัก ดังนี้

   เริ่มต้นจากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ พบว่า ไตรมาส 1/67 การโอนติดลบหนักถึง -13.8% เหลือ 72,954 หน่วยบาท เทียบกับไตรมาส 1/66 ที่มีการโอน 84,619 หน่วย เหตุผลหลักมาจากงบประมาณแผ่นดินไม่เต็มปีเพราะเป็นช่วงรอยต่อเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้เป็นตัวฉุดยอดการโอนทั่วประเทศ

   ต่อมาในไตรมาส 2/67 ซึ่งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ได้ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ทำให้การติดลบลดลงเหลือ -4.7% 86,805 หน่วย, ไตรมาส 3/67 ติดลบที่ -4.5% 90,627 และในไตรมาส 4/67 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของมาตรการรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ยอดโอนทั่วประเทศกลับขึ้นมาเป็นบวก 1.3% ที่ 97,413 หน่วย

   โดยสรุปภาพรวมจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 2567 พบว่า กลุ่มราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท มีการโอนเพิ่มขึ้น 9.1% จำนวน 111,257 หน่วย เทียบกับปี 2566 ที่มีการโอน 101,981 หน่วย ในขณะที่การโอนราคาเกิน 7 ล้านบาทขึ้นไป ติดลบ -15.2% จำนวน 5,182 หน่วย เทียบกับ 6,109 หน่วยในปี 2566

    ด้านมูลค่าการโอนทั่วประเทศของกลุ่มราคาไม่เกิน 7.5 ล้านบาท ณ ปี 2566 โอนรวม 209,630 ล้านบาท เพิ่มเป็น 219,951 ล้านบาท เติบโต 4.9% ขณะที่การโอนในกลุ่มราคาเกิน 7.5 ล้านบาทขึ้นไป ติดลบ -18.7% มูลค่า 77,108 ล้านบาท เทียบกับมูลค่าโอน 94,898 ล้านบาทในปี 2566

   โดยนางสาวสิทธิเพ็ญกล่าวถึงเทรนด์ปี 2568 ว่า ในกรณีปกติ ถ้ากำลังซื้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น การโอนมีแนวโน้มเพิ่มได้ที่ 1.6% แต่ถ้าหากรัฐบาลมีการต่ออายุมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง และผ่อนปรน LTV-loan to value จะเป็นปัจจัยบวกที่คาดว่าทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศกลับมาบวกได้มากถึง 10%

    อย่างไรก็ตาม มาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง จาก 3% เหลือ 0.01% หรือค่าใช้จ่ายจากล้านละ 30,000 บาท ลดเหลือล้านละ 300 บาทในปี 2567 ที่มีอายุมาตรการระหว่าง 9 เมษายน-31 ธันวาคม 2567 รายได้จัดเก็บค่าโอนและจดจำนอง ณ กรมที่ดินลดลง -25.8% วงเงินรวม 5,000 กว่าล้านบาท

    โดยปี 2567 จัดเก็บได้ 14,117 ล้านบาท เทียบกับรายได้จัดเก็บปี 2566 จำนวน 19,031 ล้านบาท เป็นโจทย์ของรัฐบาลเช่นเดียวกันว่าหากต่ออายุมาตรการในปีนี้ จะต้องนำงบประมาณแผ่นดินส่วนไหนมาอุดหนุนเพื่อกระตุ้นการซื้อและโอนที่อยู่อาศัยในปี 2568
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ