ASW ชูภูเก็ตฐานทำเงิน TITLE เปิด4โครงการใหม่
Loading

ASW ชูภูเก็ตฐานทำเงิน TITLE เปิด4โครงการใหม่

วันที่ : 28 ตุลาคม 2567
ASW มุ่งขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหนุน TITLE เปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท พร้อมโชว์ Backlog แข็งแกร่งกว่า 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ในปี 2567 และเตรียมขยายโครงการต่อเนื่องไปในอนาคต
     
     นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เข้าถือหุ้น 67.94% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เข้าถือหุ้น 67.94% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในภูเก็ตเพื่อเสริมสร้างฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

    ด้วยความมุ่งมั่นของ ASW และ TITLE ได้ส่งมอบโครงการที่อยู่อาศัยตามกำหนด ทำให้แบรนด์ THE TITLE ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้า จนทำให้ภาพรวมยอดขายของ ASW มียอดขายสะสม 9 เดือนแรกปี 2567 ทั้งหมด 14,578 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนที่มาจาก TITLE คิดเป็น 43% ของยอดขายสะสม ทั้งนี้ปัจจุบัน TITLE มี Backlog สะสมทั้งหมดราว 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 จากเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการอื่นๆ ต่อเนื่องจนถึงปี 2570

    เปิด 4 โครงการใหม่

    ล่าสุด ASW ได้ปรับแผนเปิดตัวโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต โดยเปิดโครงการใหม่รวม 4 โครงการซึ่งมากกว่าแผนที่วางไว้ มูลค่าโครงการทั้งหมด 15,500 ล้านบาท ได้แก่ 1.เดอะ ไทเทิล เชียโล่ ราไวย์ (THE TITLE CIELO RAWAI) มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนมียอดขายถึง 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์ 2.เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) มูลค่า 6,200 ล้านบาท 3.เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) มูลค่า 2,600 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในเดือนตุลาคมนี้ และ 4.คาตาเบลโล (KATABELLO) ในกะตะ มูลค่า 5,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าการปรับแผนดังกล่าวจะช่วยผลักดันยอดขายของโครงการในภูเก็ตช่วงไฮซีซันนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท

    ภูเก็ตฐานทำเงินแกร่ง

    นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตคาดว่าจะมีแนวโน้มเชิงบวกในอนาคต โดยมีปัจจัยสำคัญหลายด้านที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรม ได้แก่ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงซึ่งอาจช่วยเพิ่มความต้องการจากผู้ซื้อชาวไทย โดยเฉพาะเมื่อต้นทุนการผ่อนชำระต่อเดือนลดลง แต่อย่างไรก็ดีรายได้และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค

    ส่วนปัจจัยในด้านการท่องเที่ยว คาดว่าภูเก็ตจะยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง แม้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากอุปทานจากโครงการพัฒนาในอดีตยังมีอยู่สูง แต่เชื่อว่าฤดูกาลท่องเที่ยวจึงน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตในภาคอสังหาริมทรัพย์ของภูเก็ต

    ทางด้านนโยบายภาครัฐที่เสนอให้ชาวต่างชาติสามารถถือครองที่ดินได้นานถึง 99 ปี คาดว่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการในตลาดคอนโดมิเนียม แม้ว่าจะมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จึงแนะนำให้มีการทดลองอยู่อาศัยก่อนแล้วจึงประเมินผล ซึ่งนโยบายนี้ยังมีศักยภาพที่จะช่วยลดปัญหาการถือครองแบบตัวแทน และช่วยให้กระบวนการซื้ออสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติเป็นไปได้ง่ายขึ้น รวมถึงการขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมโอน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อตลาดโดยเฉพาะสำหรับผู้ซื้อชาวไทย

    ต่างชาติหนุนพอร์ต

    "ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตกำลังปรับตัวไปสู่สินค้าระดับหรูและไฮเอนด์ โดยเฉพาะจากความต้องการของผู้ซื้อชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจากรัสเซียและยูเครน ซึ่งคาดว่าจะกลับมาอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ปัจจุบันยอดขายกว่า 90% ของอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมาจากผู้ซื้อชาวต่างชาติ"

    อย่างไรก็ดี ASW ยังมีที่ดินสำรอง (Land Bank) เกือบ 100 ไร่ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต ซึ่งปริมาณที่ดินสำรองนี้เพียงพอต่อการขยายธุรกิจได้อย่างน้อย 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ASW มองที่ดินสำรองนี้เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่า ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวางแผนที่จะพิจารณาเข้าซื้อที่ดินเพิ่มเติมในปีหน้า หากโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ประสบความสำเร็จ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ