3 บิ๊กอสังหาฯประสานเสียงลดดอกเบี้ย ส่งผลบวกหนุนกำลังซื้อลูกค้าเพิ่ม - ความสามารถผ่อนชำระสูงขึ้น
Loading

3 บิ๊กอสังหาฯประสานเสียงลดดอกเบี้ย ส่งผลบวกหนุนกำลังซื้อลูกค้าเพิ่ม - ความสามารถผ่อนชำระสูงขึ้น

วันที่ : 24 ตุลาคม 2567
SPALI กล่าวว่า การที่ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศจะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นั้น ถือเป็นข่าวที่ดีมาก เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ขาดข่าวดีมานาน และผู้ประกอบการต่างกังวลมากที่สุด คือ การขอสินเชื่อไม่ผ่าน

     3 บิ๊กอสังหาฯ “SPALI-SIRI-THANA” ประสานเสียงแบงก์พาณิชย์ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% มีผล 1 พ.ย.นี้ ถือเป็นปัจจัยบวกกับธุรกิจอสังหาฯ ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการผ่อนชำระมากขึ้น แต่อยากเห็นการลดดอกเบี้ยเพิ่มมากกว่านี้ ฟากโบรกฯ เชียร์ “เลือกซื้อ” 3 หุ้น คือ AP เป้าราคา 16 บาท, SC เป้าราคา 5.10 บาท และ SPALI เป้าราคา 27.30 บาท

    นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า การที่ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศจะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นั้น ถือเป็นข่าวที่ดีมาก เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ขาดข่าวดีมานาน และผู้ประกอบการต่างกังวลมากที่สุด คือ การขอสินเชื่อไม่ผ่าน การที่ธนาคารไทยพาณิชย์ลดดอกเบี้ย 0.25% จะทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการผ่อนชำระเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะช่วยให้อัตราการกู้ไม่ผ่านดีขึ้นด้วย

    สำหรับไตรมาส 4/2567 เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะคึกคักขึ้น เพราะในไตรมาสนี้เป็นช่วงฤดูกาลของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เหล่าผู้ประกอบการต่างจะออกแคมเปญ อัดโปรโมชันกันเต็มที่ มาตรการรัฐลดค่าโอน-จดจำนองยังมี แล้วธนาคารไทยพาณิชย์ลดดอกเบี้ยให้อีก ถือเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ลูกค้าตัดสินใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ลูกค้าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์สุด ดังนั้น ในไตรมาส 4/2567 ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของลูกค้า ขณะที่ SPALI เองมีการออกแคมเปญ อัดโปรโมชันด้วยเช่นกัน เพื่อกระตุ้นในช่วงปลายปี

    ด้าน นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวถึง กรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ว่า เป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ได้เสียงต้อนรับเป็นบวกอย่างท่วมท้นจากภาคเอกชน เนื่องจากมีการขอร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณามานานมากแล้ว โดยหลักการแล้วการที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มลดดอกเบี้ย จะส่งผลให้ภาคธุรกิจมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง ผลประกอบการมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพธุรกิจโดยรวม

    สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ หรือสินค้าพื้นฐานที่ทุกคนต้องมี ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากกำลังซื้อที่ถดถอยและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้ภาพรวมการโอนที่อยู่อาศัยต่ำเป็นประวัติการณ์ความต้องการยังมีอยู่ แต่ผู้ที่ต้องการบ้านกู้ไม่ได้ การลดดอกเบี้ยก็จะช่วยให้ภาระค่าใช้จ่ายลดลง ความสามารถในการกู้มีมากขึ้น จะส่งผลบวกกับการโอนที่อยู่อาศัย

    ทั้งนี้ในทางปฏิบัติแล้ว การลดดอกเบี้ยแค่ 0.25% นั้น ถือว่าเป็นแค่การเริ่มต้นที่ดีเท่านั้น คงยังช่วยให้มีการโอนที่อยู่อาศัยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดไม่ได้มากนัก เนื่องจากค่าเงินบาทยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับต้นปี ทำให้เศรษฐกิจไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อ 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ไทยขับเคลื่อนด้วยการส่งออก และการท่องเที่ยว ที่ดีขึ้นในด้านของปริมาณมูลค่าถูกชดเชยด้วยค่าเงินที่แข็งค่า เศรษฐกิจเลยไม่โตเท่าที่ควร เช่น ค่าเงินบาทปัจจุบันอยู่ที่ 34.50-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหมือนต้นปี ทำให้กำลังซื้อกลับมาได้มากขึ้น เศรษฐกิจคงกระเตื้องขึ้นไปบ้างแล้ว

    “การลดดอกเบี้ย 0.25% มีผลทางด้านจิตวิทยา ช่วยให้การโอนบ้านกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งอยากเห็นการลดดอกเบี้ยที่มากกว่านี้ เพราะเศรษฐกิจในหลายเซกเตอร์มีปัญหา และการปรับดอกเบี้ย อยากเห็นแบบเชิงรุกมากขึ้น  หลังจากประกาศของธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา จะทำให้ค่าเงินผันผวนในระยะสั้น เราต้องการค่าเงินที่เหมาะสม ค่าเงินอ่อนลงไปเท่ากับต้นปี ไม่ต้องอ่อนมากเกินไป เพราะจะกระทบกับผู้นำเข้าด้วย ซึ่งจะส่งผลดีกับภาคธุรกิจและภาคประชาชน และจะส่งผลบวกต่อกำลังซื้อในที่สุด เมื่อกำลังซื้อกลับมา ภาระการผ่อนหนี้ทุกประเภทลดลง เมื่อนั้นเราจะได้เห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น” นายภูมิภักดิ์ กล่าว

    ส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 บริษัทจัดโปรโมชันแสนสิริ เรสซิ่ง “ซิ่งทุกแปลง แรงทุกโปร” ร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 46 ยกทัพบ้าน ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียมกว่า 98 โครงการ ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ ทุกทำเลยอดฮิตสำหรับที่อยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน กับข้อเสนอสุดพิเศษมอบส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท จ่ายเท่าไหร่ ลดเท่านั้น และรางวัล Lucky draw รวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาทสำหรับทุกยูนิตที่จองในงาน (31 ต.ค.–3 พ.ย. 2567) ที่บูธ SIRI

    ส่วน นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA กล่าวว่า การที่ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศจะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ถือเป็นข่าวดีกับทุกวงการในช่วงปลายปี 2567 ซึ่งดอกเบี้ยถือเป็นต้นทุนหลักที่ทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการต้องรับภาระ และเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ โดยการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อในช่วงปลายปี

    "ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะคึกคักขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น THANA เองได้มีการออกแคมเปญ ออกโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นยอดขายและรายได้อยู่ตลอด การที่มีมาตรการต่าง ๆ อย่างล่าสุดการลดดอกเบี้ย จะช่วยเอื้อต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และช่วยทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทเริ่มเห็นยอดจองที่ดีขึ้น หลังภาครัฐค่อย ๆ ผ่อนคลาย" นายสุทธิรักษ์ กล่าว

     ทั้งนี้ การที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะลดดอกเบี้ยลง ถือเป็นปัจจัยหนุนที่ส่งแรงบวกในไตรมาส 4/2567 โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ (สต๊อก) มูลค่ารวมเกือบ 2,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถส่งมอบได้ภายใน 2 เดือนทันที เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี

     นอกจากนี้ บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงาน ทั้งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/2567 จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/2567 โดยในไตรมาส 3/2567 มีการส่งมอบยอดขายรอโอน (Backlog) จากไตรมาส 2/2567 ต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบไตรมาส 3/2567 ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ขณะที่ในปี 2567 บริษัทคงเป้าหมายรายได้รวมจะเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 533.41 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้รวมแล้ว 233.01 ล้านบาท

     นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มองเป็นเซนติเมนต์เชิงบวก ทำให้เกิดความต้องการและกำลังซื้อเพิ่มขึ้นได้บางส่วน แต่ยังไม่ได้ช่วยตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสําคัญ ซึ่งการลดดอกเบี้ยลงระดับ 0.25% ยังไม่ช่วยให้ลูกค้าที่ขอสินเชื่อสามารถกู้ผ่านได้มากขึ้น แต่ทำให้บรรยากาศดีขึ้น

     ขณะที่มาตรการที่จะมีผลกับตลาดอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด คือ มาตรการที่ผู้ประกอบการและสมาคมต่าง ๆ ขอกันไว้ คือ 1.ขอผ่อนปรนมาตรการ LTV และ 2.การขอให้ต่างชาติเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ไทยได้มากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ข้อดังกล่าว น่าจะช่วยตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้มากกว่า

     ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 4/2567 มองว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการที่เริ่มเห็นกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้รายได้จากการปิดการโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสนี้ดีขึ้น ส่วนยอดขาย (Presale) จะดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยในไตรมาส 4/2567 จะมีโครงการเปิดตัวใหม่มากขึ้น ขณะที่แนะนำลงทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์จะเป็นแบบเลือกซื้อ "Selective Buy"  3 หุ้น คือ  บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ให้ราคาเป้าหมาย 16 บาทต่อหุ้น, หุ้น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ให้ราคาเป้าหมาย 5.10 บาทต่อหุ้น และหุ้น SPALI ให้ราคาเป้าหมาย 27.30 บาทต่อหุ้น

ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ