3 บิ๊กอสังหาฯประสานเสียงลดดอกเบี้ย ส่งผลบวกหนุนกำลังซื้อลูกค้าเพิ่ม - ความสามารถผ่อนชำระสูงขึ้น
3 บิ๊กอสังหาฯ “SPALI-SIRI-THANA” ประสานเสียงแบงก์พาณิชย์ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% มีผล 1 พ.ย.นี้ ถือเป็นปัจจัยบวกกับธุรกิจอสังหาฯ ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการผ่อนชำระมากขึ้น แต่อยากเห็นการลดดอกเบี้ยเพิ่มมากกว่านี้ ฟากโบรกฯ เชียร์ “เลือกซื้อ” 3 หุ้น คือ AP เป้าราคา 16 บาท, SC เป้าราคา 5.10 บาท และ SPALI เป้าราคา 27.30 บาท
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า การที่ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศจะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นั้น ถือเป็นข่าวที่ดีมาก เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ขาดข่าวดีมานาน และผู้ประกอบการต่างกังวลมากที่สุด คือ การขอสินเชื่อไม่ผ่าน การที่ธนาคารไทยพาณิชย์ลดดอกเบี้ย 0.25% จะทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการผ่อนชำระเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะช่วยให้อัตราการกู้ไม่ผ่านดีขึ้นด้วย
สำหรับไตรมาส 4/2567 เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะคึกคักขึ้น เพราะในไตรมาสนี้เป็นช่วงฤดูกาลของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เหล่าผู้ประกอบการต่างจะออกแคมเปญ อัดโปรโมชันกันเต็มที่ มาตรการรัฐลดค่าโอน-จดจำนองยังมี แล้วธนาคารไทยพาณิชย์ลดดอกเบี้ยให้อีก ถือเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ลูกค้าตัดสินใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ลูกค้าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์สุด ดังนั้น ในไตรมาส 4/2567 ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของลูกค้า ขณะที่ SPALI เองมีการออกแคมเปญ อัดโปรโมชันด้วยเช่นกัน เพื่อกระตุ้นในช่วงปลายปี
ด้าน นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวถึง กรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ว่า เป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ได้เสียงต้อนรับเป็นบวกอย่างท่วมท้นจากภาคเอกชน เนื่องจากมีการขอร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณามานานมากแล้ว โดยหลักการแล้วการที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มลดดอกเบี้ย จะส่งผลให้ภาคธุรกิจมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง ผลประกอบการมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพธุรกิจโดยรวม
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ หรือสินค้าพื้นฐานที่ทุกคนต้องมี ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากกำลังซื้อที่ถดถอยและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้ภาพรวมการโอนที่อยู่อาศัยต่ำเป็นประวัติการณ์ความต้องการยังมีอยู่ แต่ผู้ที่ต้องการบ้านกู้ไม่ได้ การลดดอกเบี้ยก็จะช่วยให้ภาระค่าใช้จ่ายลดลง ความสามารถในการกู้มีมากขึ้น จะส่งผลบวกกับการโอนที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ในทางปฏิบัติแล้ว การลดดอกเบี้ยแค่ 0.25% นั้น ถือว่าเป็นแค่การเริ่มต้นที่ดีเท่านั้น คงยังช่วยให้มีการโอนที่อยู่อาศัยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดไม่ได้มากนัก เนื่องจากค่าเงินบาทยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับต้นปี ทำให้เศรษฐกิจไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อ 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ไทยขับเคลื่อนด้วยการส่งออก และการท่องเที่ยว ที่ดีขึ้นในด้านของปริมาณมูลค่าถูกชดเชยด้วยค่าเงินที่แข็งค่า เศรษฐกิจเลยไม่โตเท่าที่ควร เช่น ค่าเงินบาทปัจจุบันอยู่ที่ 34.50-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหมือนต้นปี ทำให้กำลังซื้อกลับมาได้มากขึ้น เศรษฐกิจคงกระเตื้องขึ้นไปบ้างแล้ว
“การลดดอกเบี้ย 0.25% มีผลทางด้านจิตวิทยา ช่วยให้การโอนบ้านกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งอยากเห็นการลดดอกเบี้ยที่มากกว่านี้ เพราะเศรษฐกิจในหลายเซกเตอร์มีปัญหา และการปรับดอกเบี้ย อยากเห็นแบบเชิงรุกมากขึ้น หลังจากประกาศของธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา จะทำให้ค่าเงินผันผวนในระยะสั้น เราต้องการค่าเงินที่เหมาะสม ค่าเงินอ่อนลงไปเท่ากับต้นปี ไม่ต้องอ่อนมากเกินไป เพราะจะกระทบกับผู้นำเข้าด้วย ซึ่งจะส่งผลดีกับภาคธุรกิจและภาคประชาชน และจะส่งผลบวกต่อกำลังซื้อในที่สุด เมื่อกำลังซื้อกลับมา ภาระการผ่อนหนี้ทุกประเภทลดลง เมื่อนั้นเราจะได้เห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น” นายภูมิภักดิ์ กล่าว
ส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 บริษัทจัดโปรโมชันแสนสิริ เรสซิ่ง “ซิ่งทุกแปลง แรงทุกโปร” ร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 46 ยกทัพบ้าน ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียมกว่า 98 โครงการ ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ ทุกทำเลยอดฮิตสำหรับที่อยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน กับข้อเสนอสุดพิเศษมอบส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท จ่ายเท่าไหร่ ลดเท่านั้น และรางวัล Lucky draw รวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาทสำหรับทุกยูนิตที่จองในงาน (31 ต.ค.–3 พ.ย. 2567) ที่บูธ SIRI
ส่วน นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA กล่าวว่า การที่ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศจะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ถือเป็นข่าวดีกับทุกวงการในช่วงปลายปี 2567 ซึ่งดอกเบี้ยถือเป็นต้นทุนหลักที่ทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการต้องรับภาระ และเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ โดยการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อในช่วงปลายปี
"ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะคึกคักขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น THANA เองได้มีการออกแคมเปญ ออกโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นยอดขายและรายได้อยู่ตลอด การที่มีมาตรการต่าง ๆ อย่างล่าสุดการลดดอกเบี้ย จะช่วยเอื้อต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และช่วยทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทเริ่มเห็นยอดจองที่ดีขึ้น หลังภาครัฐค่อย ๆ ผ่อนคลาย" นายสุทธิรักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ การที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะลดดอกเบี้ยลง ถือเป็นปัจจัยหนุนที่ส่งแรงบวกในไตรมาส 4/2567 โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ (สต๊อก) มูลค่ารวมเกือบ 2,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถส่งมอบได้ภายใน 2 เดือนทันที เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี
นอกจากนี้ บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงาน ทั้งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/2567 จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/2567 โดยในไตรมาส 3/2567 มีการส่งมอบยอดขายรอโอน (Backlog) จากไตรมาส 2/2567 ต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบไตรมาส 3/2567 ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ขณะที่ในปี 2567 บริษัทคงเป้าหมายรายได้รวมจะเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 533.41 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้รวมแล้ว 233.01 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะเริ่มลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มองเป็นเซนติเมนต์เชิงบวก ทำให้เกิดความต้องการและกำลังซื้อเพิ่มขึ้นได้บางส่วน แต่ยังไม่ได้ช่วยตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสําคัญ ซึ่งการลดดอกเบี้ยลงระดับ 0.25% ยังไม่ช่วยให้ลูกค้าที่ขอสินเชื่อสามารถกู้ผ่านได้มากขึ้น แต่ทำให้บรรยากาศดีขึ้น
ขณะที่มาตรการที่จะมีผลกับตลาดอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด คือ มาตรการที่ผู้ประกอบการและสมาคมต่าง ๆ ขอกันไว้ คือ 1.ขอผ่อนปรนมาตรการ LTV และ 2.การขอให้ต่างชาติเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ไทยได้มากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ข้อดังกล่าว น่าจะช่วยตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้มากกว่า
ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 4/2567 มองว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการที่เริ่มเห็นกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้รายได้จากการปิดการโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสนี้ดีขึ้น ส่วนยอดขาย (Presale) จะดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยในไตรมาส 4/2567 จะมีโครงการเปิดตัวใหม่มากขึ้น ขณะที่แนะนำลงทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์จะเป็นแบบเลือกซื้อ "Selective Buy" 3 หุ้น คือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ให้ราคาเป้าหมาย 16 บาทต่อหุ้น, หุ้น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ให้ราคาเป้าหมาย 5.10 บาทต่อหุ้น และหุ้น SPALI ให้ราคาเป้าหมาย 27.30 บาทต่อหุ้น