ศูนย์ข้อมูล ธอส. ชี้ตลาดอสังหาฯไทยปี 62 หดตัว ทั้งยอดโอนกรรมสิทธิ์-การปล่อยสินเชื่อใหม่-จำนวนการเปิดขายโครงการใหม่ เหตุได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ LTV ใหม่-เศรษฐกิจชะลอตัว-ดอกเบี้ยขาขึ้น

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2562 น่าจะลดลงจากปี 2561 ทั้งยอดโอนกรรมสิทธิ์ การปล่อยสินเชื่อใหม่ และจำนวนการเปิดขายโครงการใหม่ เป็นผลมาจากมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV) ใหม่ ที่จะบังคับใช้ในเดือนเมษายนนี้ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาวะดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาขึ้นจะส่งผลต่อตลาดที่อยู่อาศัย

          สำหรับในปี 2562 คาดจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 307,000 ยูนิต มูลค่ารวม 747,000 ล้านบาท จำนวนยูนิตลดลง 15.42% มูลค่าลดลง 10.97% จากปี 2561 ที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 363,000 ยูนิต มูลค่ารวม 839,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 161,457 ยูนิต มูลค่ารวม 479,904 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างจังหวัด จำนวน 145,454 ยูนิต มูลค่ารวม 267,020 ล้านบาท

          โดยประเมินว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศในไตรมาส 1/2562 จะอยู่ที่ 80,000 ยูนิต มูลค่ารวม 204,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไตรมาสที่สูงสุดของปี 2562 เนื่องจากคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการบังคับใช้มาตการควบคุมสินเชื่อ (LTV) ใหม่ในเดือนเมษายนนี้ 
          ขณะที่ไตรมาส 2/2562 คาดจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 71,000 ยูนิต มูลค่ารวม 170,000 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 3/2562 คาดจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 75,000 ยูนิต มูลค่ารวม 178,000 ล้านบาท และในไตรมาส 4/2562 คาดจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 80,000 ยูนิต มูลค่ารวม 193,000 ล้านบาท

          ด้านการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปใหม่ทั่วประเทศในปี 2562 จะอยู่ที่ระดับ 697,814 ล้านบาท ลดลง 2.8% จากปี 2561 ที่มียอดปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปใหม่ทั่วประเทศที่ 717,557 ล้านบาท เป็นไปตามแนวโน้มยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2562 ที่ลดลง

          นายวิชัย กล่าวอีกว่า ในปี 2562 จะมีการเปิดขายโครงการใหม่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล รวมจำนวน 112,044 ยูนิต ลดลง 5.3% จากปี 2561 ที่มีการเปิดขายโครงการใหม่รวมจำนวน 118,271 ยูนิต โดยสินค้าในปี 2562 แบ่งเป็น โครงการแนวราบจำนวน 46,010 ยูนิต และโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 66,034 ยูนิต

          “ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 มีแนวโน้มลดลง เพื่อรองรับปัจจัยบวกใหม่ ๆ ทางเศรษฐกิจและนโยบายใหม่ ๆ หลังจากมีความชัดเจนในการเลือกตั้ง ส่วนในช่วงไตรมาสแรก ผู้ประกอบการจะมุ่งเน้นและเร่งการระบายสินค้าเดิม ซึ่งเชื่อว่าจะมีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์กันอย่างมาก ซึ่ง ณ สิ้นปี 2561 มีสินค้าเหลือขายในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 133,000 ยูนิต แบ่งเป็นสินค้าประเภทโครงการคอนโดมิเนียม 59,000 ยูนิต และสินค้าประเภทแนวราบ 74,000 ยูนิต เป็นสินค้าในระดับราคา 2-5 ล้านบาทต่อยูนิตเป็นหลัก” นายวิชัย กล่าว

          อย่างไรก็ตาม สินค้าเหลือขายในตลาด ณ สิ้นปี 2561 ที่เหลือจำนวน 133,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 1.48% จากปี 2557 ที่มีสินค้าเหลือขายจำนวน 135,000 ยูนิต ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยมาก โดยพื้นที่ที่ยังมีสินค้าเหลือขาย 4 อันดับแรก ได้แก่ แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย), แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม, แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-บางปู-สมุทรปราการ),  แนวรถไฟฟ้าส่ายสีน้ำเงิน (บางแค)