ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนลดลงเดือนที่3
วันที่ : 11 มกราคม 2562
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยลดลง 5.25 มาอยู่ที่ระดับ 92.75 โดยอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เช่นเดิม ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า นักลงทุนกังวลกับความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯและการไหลเข้าออกของกระแสเงินทุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขณะที่นักลงทุนเชื่อมั่นในสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเรื่องการเลือกตั้งและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่จะช่วยความเชื่อมั่นนักลงทุน
กังวลดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น สงครามการค้า "สหรัฐฯ-จีน"
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยลดลง 5.25 มาอยู่ที่ระดับ 92.75 โดยอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เช่นเดิม ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า นักลงทุนกังวลกับความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯและการไหลเข้าออกของกระแสเงินทุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขณะที่นักลงทุนเชื่อมั่นในสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเรื่องการเลือกตั้งและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่จะช่วยความเชื่อมั่นนักลงทุน
"ปัจจัยบวกที่นักลงทุนให้ความเห็นว่ามีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งภายในประเทศ ขณะที่ปัจจัยลบที่มีอิทธิพลกดดันต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และนโยบายการค้าสหรัฐฯ"
นายไพบูลย์ยังประเมินทิศทางการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ว่าปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนมาจากการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงซึ่งจะเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่นักลงทุนติดตามมากที่สุด ขณะที่นักลงทุนยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจในประเทศจากการที่ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในไตรมาส 4 ปี 2561 มีค่าเท่ากับ 50.4 จุด ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ระดับ 51.7 จุด โดยผู้ประกอบการมีความกังวลด้านเสถียรภาพการเมือง เศรษฐกิจ ดอกเบี้ยขาขึ้น และมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยดัชนีด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และต้นทุนประกอบการมีค่าความเชื่อมั่นลดลง แต่การจ้างงานและการขึ้นโครงการใหม่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่น 6 เดือนข้างหน้ามีค่าเท่ากับ 60.5 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 57.5 จุด เนื่องจากคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะมีโอกาสขยายตัวภายหลังการเลือกตั้ง ทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทุกด้านโดยเฉพาะความเชื่อมั่นการเปิดโครงการใหม่และด้านการลงทุน
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยลดลง 5.25 มาอยู่ที่ระดับ 92.75 โดยอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เช่นเดิม ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า นักลงทุนกังวลกับความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯและการไหลเข้าออกของกระแสเงินทุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขณะที่นักลงทุนเชื่อมั่นในสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเรื่องการเลือกตั้งและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่จะช่วยความเชื่อมั่นนักลงทุน
"ปัจจัยบวกที่นักลงทุนให้ความเห็นว่ามีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งภายในประเทศ ขณะที่ปัจจัยลบที่มีอิทธิพลกดดันต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และนโยบายการค้าสหรัฐฯ"
นายไพบูลย์ยังประเมินทิศทางการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ว่าปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนมาจากการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงซึ่งจะเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่นักลงทุนติดตามมากที่สุด ขณะที่นักลงทุนยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจในประเทศจากการที่ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในไตรมาส 4 ปี 2561 มีค่าเท่ากับ 50.4 จุด ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ระดับ 51.7 จุด โดยผู้ประกอบการมีความกังวลด้านเสถียรภาพการเมือง เศรษฐกิจ ดอกเบี้ยขาขึ้น และมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยดัชนีด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และต้นทุนประกอบการมีค่าความเชื่อมั่นลดลง แต่การจ้างงานและการขึ้นโครงการใหม่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่น 6 เดือนข้างหน้ามีค่าเท่ากับ 60.5 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 57.5 จุด เนื่องจากคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะมีโอกาสขยายตัวภายหลังการเลือกตั้ง ทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทุกด้านโดยเฉพาะความเชื่อมั่นการเปิดโครงการใหม่และด้านการลงทุน
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ