"เจแอลแอล" ประเมินตลาดอสังหาฯกรุงเทพฯปีนี้ "ทรงตัว" ตลาดคอนโดขายอืด ชี้ซัพพลายเกิดใหม่เพียบ ด้าน"สำนักงาน ศูนย์การค้า"แนวโน้มสดใส  พื้นที่ว่างเหลือน้อย ดันราคาค่าเช่าขยับ

นางสุพินท์ มีชูชีพ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เจแอลแอล  เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯปี 2560 ทิศทางการเติบโตไม่ต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม  คาดว่าการขาย ยังคงชะลอตัวต่อไปอีก  เนื่องจากจำนวนซัพพลายใหม่ยังเพิ่มเข้ามาในตลาด  ส่งผล ผู้บริโภคใช้เวลาตัดสินใจมากขึ้น  โดยเฉพาะผู้ซื้อเพื่อปล่อยเช่า  ซึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับ การแข่งขันที่สูงขึ้นในการหาผู้เช่า รวมถึงแรงกดดันเรื่องราคาค่าเช่า

จากการสำรวจพบว่าสิ้นปี 2559 มีคอนโดมิเนียมเฉพาะที่สร้างเสร็จแล้ว คิดเป็น จำนวนรวมกว่า 4.45  แสนยูนิต โดยเพิ่มขึ้น เกือบ"เท่าตัว" นอกจากนี้ยังมีโครงการที่กำลัง ทยอยก่อสร้างอีกกว่า  1.27 แสนยูนิต อย่างไรก็ดีราคาที่ดินในเขตศูนย์กลางธุรกิจที่เหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการ อสังหาฯใหม่  มีปริมาณจำกัด  จึงมีแนวโน้ม ที่ผู้ประกอบการจะให้ความสนใจเช่าที่ดินระยะยาวพัฒนาโครงการ  จากเดิมที่ต้องการซื้อกรรมสิทธิ์ขาดเป็นหลัก

"ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นมาก  โดยเฉพาะ ทำเลที่มีความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาฯใหม่ ยังคงเป็นความท้าทาย สำคัญสำหรับผู้พัฒนาโครงการ โดยเฉพาะธุรกิจคอนโด ซึ่งต้นทุนราคาที่ดินมาเป็นอันดับหนึ่ง และเป็นตัวแปรสำคัญกำหนดราคาขาย"

สำหรับตลาดอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า มองว่ายังมีแนวโน้มที่ดี โดยอัตราค่าเช่ายังปรับตัวสูงขึ้น และอัตราว่างของพื้นที่เช่ามีระดับต่ำลง ปัจจุบันอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ  มีพื้นที่สร้างเสร็จแล้วรวม 8.5 ล้านตร.ม. และมีพื้นที่ว่างเหลือเช่าประมาณ 9%  ถือว่าตลาดมีปริมาณพื้นที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากพื้นที่ว่างส่วนใหญ่ อยู่ในอาคารเก่าหมดสภาพ หรือตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่เป็นที่ต้องการของผู้เช่า ขณะที่อาคารเกรดเอ ส่วนใหญ่มี ผู้เช่าพื้นที่เกือบเต็ม

ทั้งนี้ พื้นที่ว่างเหลือเช่าที่ลดลง  ทำให้อัตราค่าเช่ายังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยอัตราค่าเช่าเฉลี่ยรวมทั่วกรุงเทพฯ ปรับขึ้นประมาณ 3%

ขณะที่ตลาดศูนย์การค้าในปี 2559 เป็นตลาดที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ  เนื่องจากซัพพลายและดีมานด์มีความสมดุล ปัจจุบันศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ  มีพื้นที่รวม 3 ล้านตร.ม. จากจำนวนศูนย์การค้าที่มีอยู่ทั้งหมดในกรุงเทพฯ 6  ล้านตร.ม. มีพื้นที่ว่างเหลือเช่า ประมาณ 4%  สะท้อนถึงความต้องการสูงสำหรับพื้นที่การค้า สอดคล้องกับผลสำรวจของเจแอลแอล  ซึ่งระบุว่ากรุงเทพฯได้รับการจัดให้อยู่อันดับ 18  ของเมืองที่เป็นแหล่งรวมสินค้าอินเตอร์ แบรนด์มากที่สุดของโลก

ส่วนค่าเช่า ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ยกเว้นช่วงต้นปี 2557  ซึ่งเจ้าของศูนย์การค้าปรับลดค่าเช่าเป็นการชั่วคราว  เพื่อ ช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง  แต่หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองสงบลง ค่าเช่า กลับมาขยายตัวสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง  โดย ปี 2559 ค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้นราว 1.5%

ปีนี้มีคอนโดที่กำลังทยอยก่อสร้างอีกกว่า 1.27 แสนยูนิต

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ