คอลัมน์ กระจกไร้เงา: ความต้องการ ยังมีอยู่สูง
ศรยุทธ เทียนสี
ผ่านพ้น 2 เดือนแรกของปี 2560 แล้ว ภาคธุรกิจยังคงเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศกันอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ จะเห็นได้ว่าเหล่าผู้ประกอบการต่างพาเหรดเปิดตัวโครงการใหม่กันอย่างคึกคัก โดยยังคงมองถึงการขยายตัวของเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าที่มีการขยายเส้นทางออกไปชานเมืองมากขึ้น และรวมไปถึงความต้องการในที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง
หากมาประเมินแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัย ยังมีอีกหลายปัจจัย ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยบวกซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ขนส่ง และรถไฟฟ้าสายสำคัญต่างๆ ที่คาดการณ์ว่าจะเปิดพื้นที่ ใหม่ในปริมณฑล อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการ ส่งเสริมการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
ทั้งหมดนี้ภาครัฐมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จะช่วยสร้างตลาดใหม่ทดแทนยอดขายที่ชะลอตัวลง ขณะที่ความต้อง การที่อยู่อาศัยที่แท้จริงยังมีอยู่ในระบบ ต่างจากความต้องการซื้อเพื่อการลงทุนที่ลดลงอย่างชัดเจน
ปัจจัยบวกดังกล่าวจะช่วยให้ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2560 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จึง ได้ประเมินตลาดที่อยู่อาศัย โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้อุปทาน โครง การเปิดขายใหม่ จะมีจำนวนประมาณ 108,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 12% และประมาณการที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ จดทะเบียน จะมีจำนวนประมาณ 124,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 0.50%
ทางด้านอุปสงค์ คาดว่าการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 3% หรือประมาณ 180,000 ยูนิต ซึ่งจะมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 466,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่คาดว่าจะมียอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ทั้งระบบจำนวน 594,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% และประมาณการสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปคงค้างทั้งระบบจำนวน 3,433,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความต้องการในที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ที่มีความน่ากังวลอย่างมาก จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่อยู่ในภาวะถดถอย ทำให้ตลาดอสังหา ริมทรัพย์ของไทยซบเซามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นักวางกลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ นายธงชัย ปิยสันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเนอจี จำกัด ได้กล่าวถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายในการสัมมนาหัวข้อ วิกฤติ ทางรอดอสังหาฯ 2017 ว่า สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ที่มีความน่ากังวลอย่างมาก สิ่งที่น่าห่วงที่สุดในปีนี้คือ ปัจจัยลบ 4 ด้านที่ประกอบกันทุกแง่มุมในรอบ 20 ปี คือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่มีผลกระทบต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหลายปี ดังนั้น ในปีนี้ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความรุนแรงมากกว่าในหลายปีที่ผ่านมา
ต่อมาการไม่อนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งก่อให้เกิด การชะลอตัวในการซื้อขาย เนื่องจากผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถดำเนินโครงการได้อย่างต่อเนื่อง บางรายอาจเกิดภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน และส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจขนาดใหญ่ได้ ประเด็นต่อมา ด้วยสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงทั่วโลก จึงส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างมาก และกระทบต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยที่ไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตรงตามเป้า
และประเด็นที่สี่ คือ ด้วยภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด อสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับแผนการดำเนิน ธุรกิจอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ความเป็นไปในตลาด และเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียโอกาสในการทำตลาดให้กับคู่แข่ง
ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องพยายามสร้างความแตกต่างของสินค้า เพื่อสร้างจุดขายของโครงการ รวมถึงการใช้กลยุทธ์ด้านราคา มาเป็นสิ่งจูงใจผู้ซื้อให้เลือกโครงการ นอกจากนี้ จะเห็นการแข่งขันทางด้านราคา โดยผู้ประกอบการรายใหญ่จำนวนมากลดราคายูนิตลงมาเทียบเท่าหรือต่ำกว่าผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งนั่นส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้
อย่างไรก็ดี ในปี 2560 นี้ นับเป็นโอกาสของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออาศัยเอง เนื่องจากเป็นปีที่ราคาอยู่ ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ และมีทางเลือกเป็นจำนวนมาก แต่เตือน ผู้ที่ซื้อเพื่อการลงทุน ต้องระวัง เพราะอาจเกิดปัญหาในการขายต่อเนื่องจากตลาดซบเซาอย่างหนักได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์