อสังหาฯตะวันออกผุดแน่น ทาวน์เฮาส์-คอนโดฯ ต่ำล้าน เจาะแรงงาน
บ้าน-คอนโดฯ เขต EEC ใน 3 จังหวัด ชลบุรี-ระยอง- ฉะเชิงเทรา รอขาย 213,775 ยูนิต มีจำนวน 1,156 โครงการ ผู้ซื้อชลบุรีมีถึง 2 ใน 3 Q House นำร่องคอนโดฯ ต่ำ 8 แสนบาทเจาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม "มารวย" ผุดโครงการรับกลุ่มแรงงานรายได้ปานกลาง ราคา 2-4 ล้านบาท ชี้อนาคตผู้ประกอบ การแห่ปักหมุดแน่นรองกทม.
อสังหาฯ ในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ครอบคลุม 3 จังหวัด ชลบุรี, ระยอง และฉะเชิงเทรา กำลังบูมสุดขีด! ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่าแต่ละเมืองมีบทบาทสำคัญ โดยฉะเชิงเทราเป็นเมืองที่อยู่อาศัยชั้นดีรองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ ส่วนพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ศูนย์การให้บริการด้านการแพทย์ระดับนานาชาติ ซึ่งมีอู่ตะเภาเป็นศูนย์ธุรกิจการ บิน และโลจิสติกส์อาเซียน ส่วนระยองเป็นเมืองแห่งการศึกษาและวิทยาศาสตร์ จากการสัมมนา "โอกาสใหม่ของการพัฒนาที่อยู่อาศัย...ภายใต้การขับเคลื่อน EEC" โดยศูนย์ข้อมูลฯ ระบุว่าโครงการอสัง-หาฯ อยู่ระหว่างการขายทั้งบ้าน-คอนโดฯ รวม 213 ,775 ยูนิตมีจำนวน 1,156 โครงการ เปิดใหม่กทม.+ปริมณฑล ไตรมาสแรกมีจำนวน 85 โครงการ 24,103 ยูนิต เป็นบ้าน 54 โครง การกว่าหมื่นยูนิต คอนโดฯ 31 โครงการ 1.3 หมื่นยูนิต
ล่าสุด ศูนย์วิจัยศุภาลัย โดย บมจ. ศุภาลัยได้ทำการรวบรวมข้อมูลผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีและระยอง พบว่า ผู้ซื้อในจังหวัดชลบุรีมีสถานที่ทำงานอยู่ภายในจังหวัด ชลบุรีถึง 2 ใน 3 และ อีก 1 ใน 8 มาจากจังหวัดระยอง ขณะที่ผู้ซื้อในจังหวัดระยองมีสถานที่ทำงานภายในจังหวัดระยองเองถึงกว่า 90% ตอบโจทย์ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่ส่วนใหญ่จะเลือกทำเลที่อยู่อาศัยใกล้กับสถานที่ทำงาน ถ้าหากทำเลนั้นอยู่ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก
อาทิ ศูนย์การค้า แหล่งชุมชนหรือสถานบันเทิง ก็จะยิ่งเป็นคุณสมบัติที่เป็นบวกมากขึ้น
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่าจากที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ดำเนินการสำรวจข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย ล่าสุด ณ ไตรมาส 3 ปี 2559 ในจังหวัดสำคัญของภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี, ระยองและฉะเชิงเทรา พบว่าจังหวัดชลบุรี มีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังโครงการของผู้ประกอบการ ซึ่งอยู่ในระหว่างการขายทั้งสิ้นประมาณ 174,984 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 577 โครงการ 73,533 หน่วย ซึ่งจำนวนหน่วยมากเป็นที่สองรองจากกรุงเทพฯ (เทียบกับกรุงเทพฯ มี 445 โครงการ หน่วยในผังโครงการรวมประมาณ 77,180 หน่วย) มีมูลค่าโครงการรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 207,752 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 22,769 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวมประมาณ 65,291 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯมีโครงการอยู่ระหว่างการขาย 300 โครงการ มีหน่วยในผังรวมกันมากถึง 101,451 หน่วย จำนวนหน่วยมาก เป็นที่สองรองจากกรุงเทพฯ เช่นกัน (เทียบ กับกรุงเทพฯ มี 291 โครงการ หน่วยในผังโครงการรวมประมาณ 143,800 หน่วย) มูลค่าโครงการรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 301,992 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 16,367 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวมประมาณ 49,552 ล้านบาท
ในจังหวัดระยองมีทั้งสิ้นประมาณ 27,026 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 21,839 หน่วย และอาคารชุดประมาณ 5,187 หน่วย ซึ่งบ้านจัดสรร มี 197 โครงการ เหลือขายประมาณ 8,533 หน่วย คอนโดฯมี 33 โครงการ รวมประมาณ 5,187 หน่วย เหลือขายประมาณ 1,257 หน่วย ขณะที่ในจังหวัดฉะเชิงเทรามีทั้งสิ้นประมาณ 11,765 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 45 โครงการ ประมาณ 10,457 หน่วย เหลือขายประมาณ 3,453 หน่วย คอนโดฯ 4 โครงการประมาณ 1,308 หน่วย เหลือขาย 412 หน่วย
สำหรับโครงการเปิดใหม่ใน กทม.และปริมณฑล ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2560 นี้พบว่า มีจำนวน 85 โครงการ มีหน่วยในผังรวม 24,103 หน่วย แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดขายใหม่จำนวน 54 โครงการ 10,601 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 38,750 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯ เปิดขายใหม่ มีจำนวน 31 โครงการ 13,502 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 55,880 ล้านบาท
ด้านผู้ประกอบการเดินหน้ารุกตลาดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC โดย Q House ปักธงตลาดชลบุรี-พัทยาเจาะกลุ่มนิคมอุตฯ เพื่อคนที่ต้องการซื้ออยู่จริง โดยก่อนหน้านี้ รศ.ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ โซนตะวันออกนั้น เป็นพื้นที่เป้าหมายอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักๆ ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และระดับราคาสินค้าที่ผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ อย่างคอนโดฯโครงการเดอะพอยต์ แหลมฉบังของบริษัทที่เปิดขายในราคาเพียง 7.99 แสนบาท เพื่อกลุ่มผู้ซื้อที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมและคนในพื้นจะได้สามารถซื้อเป็นเจ้าของได้ ขณะที่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมีบ้างประมาณ 5% และกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาตินี้ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและยุโรป
"ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในโซนชลบุรีพัทยา นับว่าเป็นตลาดที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ซึ่งมีการเติบโตสูงในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นมิติภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีทั้งโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมมากมาย" รศ.ดร.ชัชชาติ กล่าว
ดร.นวณัฐ สุขะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออก ภายใต้แบรนด์ บ้านมารวย เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รองรับการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ครอบคลุมพื้นที่ใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิง เทรา, ชลบุรี และระยอง บริษัทเชื่อว่า นโยบายดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกให้มีการเติบโตอย่าง คึกคักในปี 2560 แม้ในปี 2559 อาจมีการชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง แต่ทางบริษัทได้วางแผนรองรับโครงการดังกล่าว ซึ่งช่วงกลางปี 2560 เตรียมเดินหน้าแผนพัฒนาโครงการมารวยฉะเชิงเทราเพิ่มอีก 1 โครงการ มุ่งรองรับกลุ่มแรงงานที่มีรายได้ปานกลาง ราคาอยู่ที่ประมาณ 2-4 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ