อสังหาฯหวั่นยอดรีเจ็กส์ฉุดตลาด เตรียมดึง'นอนแบงก์'ช่วยลูกค้า
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของอสังหาฯช่วงครึ่งหลังของปี 2560 จะมีทิศทางการเติบโต เนื่องจากมีปัจจัยหนุนในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐมีความชัดเจน โดยเฉพาะแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ บวกกับชาวต่างชาติได้เข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาฯ ของไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากยอดปฏิเสธสินเชื่อของธนาคาร หรือ รีเจ็กส์ ที่ยังอยู่ในอัตราที่สูง ประกอบกับการประกาศใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดซัพพลายด์ย้อนกลับเข้ามาในตลาด หรือ "รีเวิร์สซัพพลาย"
โดยสถานการณ์ดังกล่าว จะทำให้โครงการใหม่เกิดขึ้น ได้น้อย เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องชะลอแผน เพื่อให้ซัพพลายด์เดิมที่มีอยู่ในตลาดถูกดูดซับไปหมดก่อน และการชะลอการเปิดตัวโครงการนี่เอง จะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการ บริษัทก่อสร้าง และภาคแรงงาน ทำให้การเติบโตของภาคธุรกิจอสังหาฯ เกิดอาการสะดุดได้
"ลูกค้าถูกรีเจ็กส์ สินค้าที่จองไปก็ต้องนำกลับมาขายใหม่ ส่วนกรณีที่โอนไปแล้ว แต่ผู้บริโภคกังวลเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็นำสินค้ามาขายในรูปแบบบ้านมือสอง ตอนนี้เริ่มเห็นแล้วในกลุ่มบ้านพักตากอากาศ ตั้งแต่ราคาล้านต้นๆ ไปถึงหลักร้อยล้าน โดยเฉพาะที่หัวหินและพัทยา ซึ่งยังคาดการณ์ไม่ได้ว่า รีเวิร์สซัพพลายด์จะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่เป็นเรื่องน่ากังวล" นายอธิปกล่าว
ด้าน นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหา ริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารยังเป็นคงเป็นปัญหาสำหรับธุรกิจอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยปัจจุบันยอดปฏิเสธดังกล่าวอยูที่ประมาณ 30-40% ซึ่งขณะนี้ทางสมาคมฯอยู่ระหว่างการเจรจากับบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) เพื่อตั้งคณะศึกษาการขยายตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปยังสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ หรือ "นอนแบงก์"
ทั้งนี้ เพื่อช่วยลูกค้าที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร โดยเฉพาะในกลุ่มรายย่อยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท คาดว่า จะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และเริ่มดำเนินการในช่วงต้นปี 2561
"กลุ่มนอนแบงก์ที่เราเจรจา ก็ได้แก่ บริษัทลีสซิ่ง บริษัทประกัน เป็นต้น รูปแบบ คือ กลุ่มนอนแบงก์จะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ที่ต้องการ แต่อัตราดอกเบี้ยที่จะเสนอให้จะสูงกว่าสินเชื่อรายย่อย หรือ MRR ทั่วไป ประมาณ 2% ส่วนลูกค้าที่จะกู้เราจะมีการคัดกรองไปอีกชั้นด้วย" นายพรนริศ กล่าว