'เอสเอชอาร์' เล็งซื้อโรงแรมไทย
Loading

'เอสเอชอาร์' เล็งซื้อโรงแรมไทย

วันที่ : 11 มีนาคม 2568
"เอสเอชอาร์" เล็งควบรวม และซื้อกิจการ "ธุรกิจโรงแรม" ในไทยเพิ่ม หนุนเติบโต 5 ปี ตั้งเป้า "อีบิทด้า" จากสินทรัพย์ใหม่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นแตะ 10-15% พร้อมทุ่มงบลงทุน 1-1.2 พันล้าน ลุยรีแบรนด์ใหม่และปรับปรุงอสังหาฯ เดิม ตั้งเป้าปี 68 รายได้แตะ 1.1 หมื่นล้าน รับอานิสงส์ท่องเที่ยวพุ่งและปรับโฉมโรงแรมใหม่
   ขานรับ 'ท่องเที่ยว' พุ่ง วางเป้ารายได้ปีนี้ 1.1 หมื่นล้าน

   ทุ่มงบลงทุน 1-1.2 พันล้าน เพื่อใช้ "รีแบรนด์ใหม่" และ "ปรับปรุงอสังหาฯ" เดิม

   นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยว่า บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุน ด้านการควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการ (M&A) โดยเฉพาะในส่วนรีสอร์ตที่สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้เหมาะสม ซึ่งโฟกัสมายังรีสอร์ตและโรงแรมในไทย เนื่องจากมีความคุ้นเคยการดำเนินธุรกิจและอยู่ในทำเลที่ดี เข้ากับแบรนด์และช่วยให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี

    พร้อมตั้งเป้าในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2568-2572) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากสินทรัพย์ใหม่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% รวมถึงบริษัทมีแผนจะขยายโรงแรมแบรนด์ SAii มากกว่า 20 แห่งภายในปี 2572

    โดยวางงบลงทุนปีนี้ 1,000-1,200 ล้านบาท เพื่อในการรีแบรนด์ใหม่ ยกระดับแบรนด์และสร้างแบรนด์ใหม่ สำหรับสินทรัพย์ที่ อังกฤษ ทรัพย์สินของโรงแรมหรูและไลฟ์สไตล์ดึงดูดต่างชาติ และปรับปรุงอสังหาฯ เดิม รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร

    ขณะเดียวกันปี 2569-2572 วางงบลงทุน ไว้ 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเพิ่มประเภทห้องวิลล่าเพิ่มเติม ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก และขยายโรงแรมแบรนด์ SAii รวมถึงการระดมทุนเพื่อสร้างการเติบโต เช่น ระดมทุนผ่านกอง REIT

    นายอิศรินทร์ กล่าวว่า แนวโน้ม ผลการดำเนินงานปี 2568 ตั้งเป้ารายได้แตะ 11,000 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อน 10,638 ล้านบาท โดยรับแรงหนุนการปรับปรุง โรงแรมใหม่ และเพิ่มรายได้นอกห้องพักทั้งในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเปิดตัวคลับชายหาดในประเทศ เพื่อทำให้ยอดขายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มปรับตัว เพิ่มมากขึ้น

    หลังจากในปี 2567 เติบโตขึ้น 7% จากปีที่ผ่านมา และนับเป็นระดับรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10,352 ล้านบาท การเติบโตที่โดดเด่นนี้ มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอโรงแรมและรีสอร์ตของบริษัท เติบโตขึ้นในเกือบทุกทำเลที่ตั้ง

    ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดขยายตัวเพิ่มขึ้น 1-1.5% จากปีก่อน หลังมีแผนปรับปรุงประสิทธิภาพดำเนินงานใน หลายส่วน อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกำลังคน การลดต้นทุนโดยดำเนินการจัดการคลัสเตอร์ การจัดซื้อส่วนกลาง และระบบขั้นสูง รวมถึงมีการปรับปรุง SO/มัลดีฟส์ ซึ่งมีเป้าหมายอัตราการเข้าพัก (OCC) ปีนี้ที่ระดับ 60-65% และค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ในช่วง 700-850 ดอลลาร์

   นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) รวมปีนี้ คาดจะเติบโต 5-10% จากปีก่อน เนื่องจากเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว และภาวะอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในไทยที่คาดว่า จะเป็นปีทองของท่องเที่ยวและรับอานิสงส์ จากโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต ที่ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามคาด RevPar ในไทยปีนี้จะเติบโต 20-25%, มัลดีฟส์โต 5-10%,หมู่เกาะฟิจิโต 5-10%, สาธารณรัฐมอริเชียสโต 25-30% และ สหราชอาณาจักรโตราว 0-5%

    ด้านแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 มีสัญญาณเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อน เห็นได้จากยอดจองห้องพักล่วงหน้าที่ ขยายตัวขึ้นในเกือบทุกภูมิภาค โดยเฉพาะโรงแรมในไทยที่ระดับ RevPAR ในเดือนม.ค. โตขึ้นถึง 25% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยหนุนหลักจากอัตราค่าห้องพัก ที่เพิ่มขึ้นถึง 45% ของโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต เช่นเดียวกับการเร่งตัวขึ้นของผลงานช่วงไฮซีซันโรงแรม SO/ Maldives ที่มีอัตราเข้าพักเพิ่มขึ้นแตะ 75% และมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยเกิน 900 ดอลลาร์
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ