ไม่ห่วง 'หุ้นกู้อสังหาฯ' ครบดีล
วันที่ : 13 มีนาคม 2568
เอเชีย พลัส กล่าวว่า "แม้จะมีข่าวใหญ่ว่าอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการลดจำนวนพนักงานถึง 40% นั้น ถือเป็นเรื่องปกติในการแก้ปัญหาด้านต้นทุน และในภาพรวมก็มีเกือบทุกบริษัทที่ค่อย ๆ ลดคน เพียงแค่บริษัทนี้ลดคนมากในครั้งเดียวจึงกลายเป็นข่าวดังขึ้นมาในวงการ"
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยในงานสัมมนา อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2025 หัวข้อ ปรับทิศอสังหาฯ 2025 : วิกฤติหรือโอกาส? ตลาดอสังหาฯความท้าทายใหม่ในภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนผ่าน ว่า ปี 68 นี้มีหุ้นกู้กลุ่มอสังหาฯที่จะครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่ารวม 80,000 ล้านบาท จากภาระหนี้โดยรวม 52% ของผู้ประกอบการเป็นหุ้นกู้ ซึ่งมีมูลค่ารวม 412,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเครดิตเรตติ้งเป็นอินเวสต์เมนต์เกรดหรือกลุ่มระดับลงทุนและปีนี้ดอกเบี้ยไม่ปรับขึ้น จึงมองว่ายังไม่น่าเป็นห่วงหากเทียบกับปีก่อน
"แม้จะมีข่าวใหญ่ว่าอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการลดจำนวนพนักงานถึง 40% นั้น ถือเป็นเรื่องปกติในการแก้ปัญหาด้านต้นทุน และในภาพรวมก็มีเกือบทุกบริษัทที่ค่อย ๆ ลดคน เพียงแค่บริษัทนี้ลดคนมากในครั้งเดียวจึงกลายเป็นข่าวดังขึ้นมาในวงการ"
สำหรับสิ่งที่น่าห่วงปีนี้อยู่ในช่วงครึ่งปีหลังจากสงครามการค้านโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะออกมาหลังจากนี้อาจกระทบกับประเทศไทยโดยตรง หรือเปรียบเสมือนไทยเดินหน้าเข้าสนามรบแบบไม่มีอาวุธ เพราะปัจจุบันไทยเกินดุลสหรัฐอยู่อันดับที่ 11 ซึ่งอาจจะกระทบด้านส่งออก อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ไปจนถึงการจ้างงาน ฉะนั้น จึงอยากเสนอแนะผู้ประกอบการอสังหาฯให้เร่งระบายสต๊อกเพื่อดึงเงินกระแสเงินสดกลับมาเตรียมรับมือ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดอสังหาฯปีนี้ไม่ต่างจากปีที่แล้วโดยที่ตลาดระดับกลางล่างกำลังแย่ ส่วนตลาดบนซัพพลายมากขึ้นและเริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงด้วยราคา ซึ่งหากรัฐบาลเร่งออกมาตรการลดภาระดอกเบี้ย หรือผ่อนคลายเกณฑ์แอลทีวีก็เชื่อว่าจะช่วยกำลังซื้อระดับกลางให้กลับมาได้ อีกทั้งรัฐบาลควรรีบออกมาตรการใหม่ ๆ เตรียมรับมือกับสงครามการค้าที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยโดยตรงช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย
"จาก 14 บริษัทอสังหาฯรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปี 67 ที่ผ่านมา พบว่ากำลังเข้าสู่ช่วงขาลงปีที่ 3 โดยเปิดโครงการใหม่ลดลงจากมูลค่ารวม 340,000 ล้านบาท ปีนี้ลดเหลือ 320,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ลดลงจากแนวราบ และเริ่มกลับมาเปิดคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ทำให้มูลค่าโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเดิม 845,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1.1 ล้านล้านบาท"
"แม้จะมีข่าวใหญ่ว่าอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการลดจำนวนพนักงานถึง 40% นั้น ถือเป็นเรื่องปกติในการแก้ปัญหาด้านต้นทุน และในภาพรวมก็มีเกือบทุกบริษัทที่ค่อย ๆ ลดคน เพียงแค่บริษัทนี้ลดคนมากในครั้งเดียวจึงกลายเป็นข่าวดังขึ้นมาในวงการ"
สำหรับสิ่งที่น่าห่วงปีนี้อยู่ในช่วงครึ่งปีหลังจากสงครามการค้านโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะออกมาหลังจากนี้อาจกระทบกับประเทศไทยโดยตรง หรือเปรียบเสมือนไทยเดินหน้าเข้าสนามรบแบบไม่มีอาวุธ เพราะปัจจุบันไทยเกินดุลสหรัฐอยู่อันดับที่ 11 ซึ่งอาจจะกระทบด้านส่งออก อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ไปจนถึงการจ้างงาน ฉะนั้น จึงอยากเสนอแนะผู้ประกอบการอสังหาฯให้เร่งระบายสต๊อกเพื่อดึงเงินกระแสเงินสดกลับมาเตรียมรับมือ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดอสังหาฯปีนี้ไม่ต่างจากปีที่แล้วโดยที่ตลาดระดับกลางล่างกำลังแย่ ส่วนตลาดบนซัพพลายมากขึ้นและเริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงด้วยราคา ซึ่งหากรัฐบาลเร่งออกมาตรการลดภาระดอกเบี้ย หรือผ่อนคลายเกณฑ์แอลทีวีก็เชื่อว่าจะช่วยกำลังซื้อระดับกลางให้กลับมาได้ อีกทั้งรัฐบาลควรรีบออกมาตรการใหม่ ๆ เตรียมรับมือกับสงครามการค้าที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยโดยตรงช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย
"จาก 14 บริษัทอสังหาฯรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปี 67 ที่ผ่านมา พบว่ากำลังเข้าสู่ช่วงขาลงปีที่ 3 โดยเปิดโครงการใหม่ลดลงจากมูลค่ารวม 340,000 ล้านบาท ปีนี้ลดเหลือ 320,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ลดลงจากแนวราบ และเริ่มกลับมาเปิดคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ทำให้มูลค่าโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเดิม 845,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1.1 ล้านล้านบาท"
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ