อสังหาฯเปิดใหม่ทะลัก1แสนยูนิต รายใหญ่ลุยโครงการ มิกซ์ยูส
ศูนย์ฯ ธอส. เผยผลสำรวจที่อยู่อาศัยกทม.และปริมณฑลเปิดใหม่ปีนี้ทะลุ 1-1.1 แสนยูนิต ยอดโอนทั้งระบบมูลค่ารวมกว่า 4 แสนล้านบาท ดร.วิชัย รักษาการ ผอ. ชี้ปัจจัยบวกการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ ด้าน ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ บมจ.เสนาฯ ระบุ ผู้ประกอบการรายใหญ่หันรุกมาทำโครงการมิกซ์ยูสมากขึ้น
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยถึงโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2560 นี้ว่า คาดจะมีการเปิดโครงการใหม่อยู่ที่ 108,709 ยูนิต เพิ่มขึ้น 2.9% จากปี 2559 หรือไม่ต่ำกว่า 97,900 ยูนิต แต่ไม่เกิน 119,700 ยูนิต
ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลของปีนี้ คาดว่าจะมีประมาณ 154,500 ยูนิต ลดลง 11.9% จากปี 2559 ซึ่งคาดอยู่ที่ประมาณ 139,000-170,000 ยูนิต และมีมูลค่ารวมประมาณ 416,000 ล้านบาท ลดลง 6.3% จากปี 2559 หรืออยู่ที่ประมาณ 374,500 ถึง 457,650 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มสินเชื่อบุคคลปล่อย ใหม่ทั้งระบบทั่วประเทศทั้งปีนี้คาดว่าจะมี มูลค่าอยู่ที่ 566,300 ล้านบาท ลดลง 3.4% จากปี 2559 หรืออยู่ที่ประมาณ 558,000 ถึง 602,700 ล้านบาท
ดร.วิชัย กล่าวว่า การประเมินแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยดังกล่าว มีปัจจัยบวกที่น่าสนใจคือ ปัจจัยที่เป็นผลต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง และรถไฟฟ้าสายสำคัญต่างๆ ที่คาดการณ์ว่าจะเปิดพื้นที่ใหม่ในปริมณฑล อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่านการส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษคลัสเตอร์ และแผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมถึงมาตรการส่งเสริมการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จะช่วยสร้างตลาดใหม่ทดแทนยอดขายที่ชะลอตัวลง ประกอบกับความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงก็ยังมีอยู่ในระบบ ปัจจัยบวกดังกล่าวนี้จะช่วยให้ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2560 ดีขึ้นหรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ด้าน ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปี2560 นี้ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ มีการเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาเพราะมีการเปิดโครงการและมีจำนวนยูนิตที่มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการแบบมิกซ์ยูสของผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายที่หันมารุกโครงการในรูปแบบนี้ เพื่อเป็นแลนด์มาร์คในแต่ละทำเลของกรุงเทพฯ แต่สำหรับบริษัทเองนั้นในปี 2561 จะรุกตลาดภาคตะวันออก เพื่อรองรับโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีที่ดินรองรับแล้วประมาณ 3 แปลง คือที่ดินที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พื้นที่กว่า 10 ไร่ ผศ.ดร.เกษรา กล่าว