ธอส.ฟันธงตลาดที่อยู่อาศัยปี61ยังสดใส
Loading

ธอส.ฟันธงตลาดที่อยู่อาศัยปี61ยังสดใส

วันที่ : 17 พฤศจิกายน 2561
ธอส.ฟันธงตลาดที่อยู่อาศัยปี61ยังสดใส

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธอส. ชี้สถานการณ์ที่อยู่อาศัยไตรมาส 3 ปี 61 อุปสงค์และอุปทานปรับตัวดีขึ้น ดันทั้งปีขยายตัวต่อเนื่อง เผยมาตรการแบงก์ชาติคาดส่งผลยอดโอนกรรมสิทธิ์และสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีการเร่งตัว

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายกลยุทธ์ 2 และ รักษาการ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูล อสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ ตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาส 3 ปี 2561 ว่า มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยในด้านอุปสงค์มีการปรับเพิ่มขึ้นของการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมีการขยายตัวของจำนวนหน่วย 5% และในส่วนมูลค่า เพิ่มขึ้น 14.6% ขณะที่สินเชื่อที่อยู่ อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ เพิ่มขึ้น 13.3% ส่วนในด้านอุปทานมีการปรับเพิ่มขึ้นของหน่วยอยู่อาศัย เปิดขายใหม่ 28.5% และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 32.6%

ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูมิภาค ด้านอุปสงค์มีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าเช่นกัน โดยสะท้อนจากจำนวนหน่วยการโอน กรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.8% และมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น 9.8% โดยมีการ เพิ่มขึ้นมากในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว ที่สำคัญ รวมถึงพื้นที่จังหวัดอีอีซี (ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา)ส่วนด้านอุปทานมีการปรับตัวลดลง โดยพิจารณาจากการขอใบอนุญาต ก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ลดลง 5.1% โดยเป็นผลจากที่อาคารชุดมีการ ลดลง 67.9% เนื่องจากยังมีอุปทาน ที่อยู่อาศัยเหลือขายสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่แนวราบกลับมีการเพิ่มขึ้น 5.6%

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าสถาน การณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2560 โดยเป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทั้งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ รถไฟฟ้าความเร็วสูง นอกจากนั้นมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.2562 คาดว่าจะส่งผลให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์และสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีการเร่งตัวก่อนที่จะมีมาตรการบังคับใช้

ส่วนการคาดการณ์ภาพรวมที่อยู่อาศัยในปี 2562 ว่า ผลจากมาตรการควบคุมสินเชื่อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะ กระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัยทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และในพื้นที่ภูมิภาค โดยคาดว่าจะมีการ ชะลอตัวทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน