STECH ลุยประมูลโครงการใหม่บุกงานรัฐ-เอกชนต่อยอดแบ็กล็อก
Loading

STECH ลุยประมูลโครงการใหม่บุกงานรัฐ-เอกชนต่อยอดแบ็กล็อก

วันที่ : 4 มีนาคม 2568
STEC รุกแผนปี 2568 ตั้งเป้า รายได้โต 5-8% ลุยประมูลโครงการใหม่เพื่อเพิ่ม Backlog จากปัจจุบันอยู่ที่ 700 ล้านบาท รับการลงทุนภาครัฐ-เอกชน กระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งการเข้าลงทุนในวังคอนกรีต ขยายฐานสู่ภาคใต้ พร้อมรับรู้ปีนี้เต็มปี
    ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง เช่น เสาเข็ม เสาไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า "STEC" กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2567 บริษัทมีรายได้ 2,082.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.93 ล้านบาท หรือ 5.73% จากการส่งมอบ งานในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดสั่งซื้อที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้ จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น 13.84% มาอยู่ที่ 2,039.54 ล้านบาท สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 117.31 ล้านบาท ลดลง 10.27 ล้านบาท หรือ 8.04% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ที่ 127.58 ล้านบาท โดยในปี 2567 มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.6% เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายบริหาร รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

    เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นและสะท้อนความเชื่อมั่นการ เติบโตของธุรกิจในอนาคต ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด จำนวน 24.65 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.034 บาท โดยกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อมีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 14 มีนาคม 2568 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 13 มีนาคม 2568 โดยจะมีการจ่ายปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้

    สำหรับเป้าหมายและแผนงานปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน 5-8% เนื่องจากบริษัทยังมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 700 ล้านบาท รวมทั้งยังพร้อมเข้าร่วมประมูลงานโครงการใหม่ของปีนี้อย่างต่อเนื่อง จากงานภาครัฐที่คาดว่าจะต้องมีการลงทุนใช้จ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตามแผน STECH พร้อมเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนหลายโครงการ ตอกย้ำผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ที่มีโรงงานจำนวน 10 แห่ง ครอบคลุมหลายภูมิภาคทั่วประเทศ

    นอกจากนี้ ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา STECH ได้เข้าไปลงทุนใน บริษัท วังคอนกรีต จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต ประเภทเสาเข็ม และแผ่นพื้น เพื่อขยายธุรกิจไปยังภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัท ยังไม่มีโรงงาน ทำให้เพิ่มช่องทางในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้อีกช่องทาง อีกทั้ง ภาคใต้มีแผนเมกะโปรเจ็กต์หรือโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ทั้งโครงการกำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาและอนุมัติโครงการ เป็นโอกาสของบริษัทในการขยายฐาน ให้กว้าง และจะรับรู้ผลงานในปีนี้เข้ามาเต็มปี

    สำหรับอีกจุดเด่นสำคัญของ STECH โดยกลุ่มบริษัทมีโรงงานและกระบวนการผลิตลวดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตรูปแบบใหม่ โดยไม่ต้องใช้น้ำกรดซึ่งเป็นกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้นใน การกัดลวดโลหะให้สะอาดเหมือนในอดีต จึงไม่ส่งผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งพร้อมจัดจำหน่ายเสาเข็มขนาดเล็ก (Micropile) ให้กับลูกค้าใน รูปแบบ B2C ซึ่งเป็นการจำหน่ายให้กับ ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือเจ้าของบ้านที่ต้องการซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน ไม่ให้ทรุดตัว เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับ STECH ในอนาคต

    "ภาพรวมตลาดคอนกรีตอัดแรงในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการสนับสนุนของภาครัฐที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในโครงการขนาดใหญ่ เช่น การสร้างถนน สะพาน และอาคารขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจ รวมถึงการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ดี STECH มุ่งเน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้พัฒนาคอนกรีต อัดแรง และการผลิตลวดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะเป็น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันได้ดีขึ้นในอนาคต" นายวัฒน์ชัย กล่าว

 
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ