SK คอนกรีตบูมลุยชิงงานใหม่คัตธุรกิจอสังหา
วันที่ : 22 เมษายน 2568
SK ฉายภาพไตรมาส 2/2568 สดใส ธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีตหนุน คาดแบ็กล็อกแตะ 70-80 ล้านบาท จ่อเซ็นสัญญา อีกกว่า 10 ล้านบาท พร้อมรุกขยายตลาดงานก่อสร้างระบบไฟฟ้า พร้อมตัดขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นายภากร ตั้งนุกูลกิจ ผู้ช่วยกรรมการ ฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง รวมถึงรับเหมาก่อสร้างโยธาและสายส่งไฟฟ้า เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า แนวโน้มของธุรกิจในไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีตจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อ เปรียบเทียบกับช่วงต้นปี โดยคาดว่ามูลค่างาน Backlog ณ สิ้นเดือนมีนาคมจะอยู่ที่ประมาณ 70-80 ล้านบาท และยังมีงานรอเซ็นสัญญาอีกประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป
งานระบบไฟฟ้า
ขณะที่งานส่วนใหญ่จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า ในส่วนของการตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 600-650 ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์ในการเร่งหางานประมูลใหม่ และขยายตลาดในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะในด้านการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจากงานเดิม 2 โครงการ ที่คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เกือบทั้งหมดในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
สำหรับการควบคุมต้นทุน บริษัทได้รับผลกระทบน้อยจากการปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ เนื่องจาก ได้ทำการล็อกราคาวัสดุสำหรับงาน Backlog เดิมเอาไว้แล้ว และยังได้มีการปรับราคาขายสำหรับงานใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเสนอราคา โดยบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาวัสดุได้
นอกจากนี้ บริษัทยังเริ่มรับงานจากภาคเอกชนมากขึ้น โดยเฉพาะงานจากลูกค้าเดิมที่เป็นผู้รับเหมา ก่อสร้างงานราชการ ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น ในส่วนของงาน ภาครัฐบริษัทได้ประมูลงานใหม่เพิ่มเติมมูลค่าประมาณ 50-60 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ให้กับบริษัทในปีนี้
ขายธุรกิจอสังหา
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทได้ตัดสินใจ ขายหุ้นในธุรกิจนี้ไปแล้ว และปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตและการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแรงสูง และไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคต โดยบริษัทยังคงศึกษาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อหาช่องทางการเติบโตและขยายฐานธุรกิจในอนาคต
ในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปัจจุบัน บริษัทได้เปลี่ยนแปลงจากการรับเหมาก่อสร้าง โยธาแบบเดิม มาเป็นการรับเหมาก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงและไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการขยายธุรกิจ และรองรับการเติบโตในตลาดไฟฟ้า ซึ่งการขยายธุรกิจในส่วนนี้มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีแนวโน้มที่ดีในการเติบโต ตามความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับปีนี้คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ตามที่ตั้งไว้ แต่ยังต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากต้นทุนวัสดุและการแข่งขันในตลาด ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรของบริษัท โดยเฉพาะในตลาดคอนกรีตและระบบไฟฟ้า ซึ่งยังคงเป็นไฮไลต์หลักที่บริษัทให้ความสำคัญในการพัฒนาและขยายธุรกิจในปีนี้
งานระบบไฟฟ้า
ขณะที่งานส่วนใหญ่จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า ในส่วนของการตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 600-650 ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์ในการเร่งหางานประมูลใหม่ และขยายตลาดในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะในด้านการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจากงานเดิม 2 โครงการ ที่คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เกือบทั้งหมดในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
สำหรับการควบคุมต้นทุน บริษัทได้รับผลกระทบน้อยจากการปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ เนื่องจาก ได้ทำการล็อกราคาวัสดุสำหรับงาน Backlog เดิมเอาไว้แล้ว และยังได้มีการปรับราคาขายสำหรับงานใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเสนอราคา โดยบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาวัสดุได้
นอกจากนี้ บริษัทยังเริ่มรับงานจากภาคเอกชนมากขึ้น โดยเฉพาะงานจากลูกค้าเดิมที่เป็นผู้รับเหมา ก่อสร้างงานราชการ ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น ในส่วนของงาน ภาครัฐบริษัทได้ประมูลงานใหม่เพิ่มเติมมูลค่าประมาณ 50-60 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ให้กับบริษัทในปีนี้
ขายธุรกิจอสังหา
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทได้ตัดสินใจ ขายหุ้นในธุรกิจนี้ไปแล้ว และปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตและการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแรงสูง และไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคต โดยบริษัทยังคงศึกษาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อหาช่องทางการเติบโตและขยายฐานธุรกิจในอนาคต
ในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปัจจุบัน บริษัทได้เปลี่ยนแปลงจากการรับเหมาก่อสร้าง โยธาแบบเดิม มาเป็นการรับเหมาก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงและไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการขยายธุรกิจ และรองรับการเติบโตในตลาดไฟฟ้า ซึ่งการขยายธุรกิจในส่วนนี้มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีแนวโน้มที่ดีในการเติบโต ตามความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับปีนี้คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ตามที่ตั้งไว้ แต่ยังต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากต้นทุนวัสดุและการแข่งขันในตลาด ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรของบริษัท โดยเฉพาะในตลาดคอนกรีตและระบบไฟฟ้า ซึ่งยังคงเป็นไฮไลต์หลักที่บริษัทให้ความสำคัญในการพัฒนาและขยายธุรกิจในปีนี้
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ