DRT คลายเกณฑ์LTVยอดพุ่งรับทรัพย์อิฐมวลเบาเพิ่มQ4
วันที่ : 24 เมษายน 2568
DRT ขานรับผลบวกคลายเกณฑ์ LTV หนุนดีมานด์ขยายตัว แถมได้แรงหนุนซ่อมแซมจากเหตุแผ่นดินไหวเสริม ปักธงปี 2568 รายได้โตต่อเนื่องจากปี 2567 อานิสงส์พอร์ตลูกค้าโต เดินหน้าปั้นสินค้าใหม่ต่อเนื่อง หวังกระตุ้นยอดขายเพิ่ม
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา บันได แผ่นพื้น และผนัง SPC อาคารสำเร็จรูป (Diamond Modular) บริการติดตั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปและกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า "ตราเพชร" เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัย ( LTV) เพื่อช่วยกระตุ้นความต้องการ (ดีมานด์) ของอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568-มิถุนายน 2569 นั้นบริษัทมองว่าเป็นประเด็นบวก ต่อการดำเนินงาน จะช่วยผลักดันให้ยอดขายใน กลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น
"คาดว่าภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งไตรมาส 2/2568 มีแนวโน้มทยอยปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งเพื่อการซ่อมแซม, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดและหัวเมืองรอง เป็นต้น"
ซ่อมบ้านดันยอด
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลตัวเลขสัดส่วน รายได้ของ DRT ล่าสุด แบ่งเป็นการขายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 10% และที่เหลือมาจากลูกค้าในส่วนอื่นๆ
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวประเทศเมียนมา ในช่วงมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ขนาดความรุน 8.2 แมกนิจูด และส่งผลให้อาคารและที่อยู่อาศัยต่างๆ ในประเทศได้รับความเสียหาย โดยประเด็นดังกล่าวคงทำให้เกิดความต้องการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนยอดขายของ DRT อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับทิศทางผลประกอบการปี 2568 บริษัทยังมุ่งสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2567 เพราะธุรกิจมีแนวทางทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น รวมทั้งมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและกระตุ้นยอดของบริษัทให้มากขึ้น ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านโครงการเพิ่มศักยภาพในกลุ่มสินค้า อิฐมวลเบานั้นบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตอิฐมวลเบา (AAC-2) มีขนาดกำลังการผลิต ประมาณ 2,900,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นประมาณ 163,200 ตันต่อปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 648 ล้านบาท
รับทรัพย์อิฐมวลเบาเพิ่ม
หากแผนการพัฒนาโครงการดังกล่าวสำเร็จตามที่วางไว้ ทาง DRT ประเมินว่าจะสามารถติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จและสามารถเปิดผลิตได้ภายในปีนี้หรือไม่เกินไตรมาส 4/2568 และกลายเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต
สำหรับโครงการดังกล่าวทาง DRT ได้มีลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 360 ล้านบาท รองรับการลงทุนติดตั้งเครื่องจักร ผลิตสินค้าอิฐมวลเบา โรงงานที่ 2 ในจังหวัดสระบุรี กำลังการผลิตประมาณ 163,200 ตันต่อปี
ซึ่งโรงงานแห่งนี้ได้ออกแบบกระบวนการผลิตตามแนวทางการและพลังงานอย่างคุ้มค่า ตอกย้ำวิสัยทัศน์ ของบริษัทและเป้าหมายการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสังคมและธรรมาภิบาล ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นต่อธุรกิจในระยะยาว
"คาดว่าภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งไตรมาส 2/2568 มีแนวโน้มทยอยปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งเพื่อการซ่อมแซม, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดและหัวเมืองรอง เป็นต้น"
ซ่อมบ้านดันยอด
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลตัวเลขสัดส่วน รายได้ของ DRT ล่าสุด แบ่งเป็นการขายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 10% และที่เหลือมาจากลูกค้าในส่วนอื่นๆ
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวประเทศเมียนมา ในช่วงมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ขนาดความรุน 8.2 แมกนิจูด และส่งผลให้อาคารและที่อยู่อาศัยต่างๆ ในประเทศได้รับความเสียหาย โดยประเด็นดังกล่าวคงทำให้เกิดความต้องการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนยอดขายของ DRT อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับทิศทางผลประกอบการปี 2568 บริษัทยังมุ่งสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2567 เพราะธุรกิจมีแนวทางทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น รวมทั้งมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและกระตุ้นยอดของบริษัทให้มากขึ้น ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านโครงการเพิ่มศักยภาพในกลุ่มสินค้า อิฐมวลเบานั้นบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตอิฐมวลเบา (AAC-2) มีขนาดกำลังการผลิต ประมาณ 2,900,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นประมาณ 163,200 ตันต่อปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 648 ล้านบาท
รับทรัพย์อิฐมวลเบาเพิ่ม
หากแผนการพัฒนาโครงการดังกล่าวสำเร็จตามที่วางไว้ ทาง DRT ประเมินว่าจะสามารถติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จและสามารถเปิดผลิตได้ภายในปีนี้หรือไม่เกินไตรมาส 4/2568 และกลายเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต
สำหรับโครงการดังกล่าวทาง DRT ได้มีลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 360 ล้านบาท รองรับการลงทุนติดตั้งเครื่องจักร ผลิตสินค้าอิฐมวลเบา โรงงานที่ 2 ในจังหวัดสระบุรี กำลังการผลิตประมาณ 163,200 ตันต่อปี
ซึ่งโรงงานแห่งนี้ได้ออกแบบกระบวนการผลิตตามแนวทางการและพลังงานอย่างคุ้มค่า ตอกย้ำวิสัยทัศน์ ของบริษัทและเป้าหมายการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสังคมและธรรมาภิบาล ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นต่อธุรกิจในระยะยาว
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ