อสังหาฯมั่นใจ ตอกเข็มไฮสปีดอีอีซี กระตุ้นลงทุน หนุนเช่ายาวเกิน 30 ปี ชี้ถึงเวลาลดดอก เลิกLTVแล้ว
Loading

อสังหาฯมั่นใจ ตอกเข็มไฮสปีดอีอีซี กระตุ้นลงทุน หนุนเช่ายาวเกิน 30 ปี ชี้ถึงเวลาลดดอก เลิกLTVแล้ว

วันที่ : 21 กุมภาพันธ์ 2568
สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า สำหรับภาคธุรกิจอสังหาฯ ด้วยสภาพตลาดโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัว ติดปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านสูง จากปัจจุบันที่แบงก์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อทั้งผู้พัฒนาโครงการและผู้ซื้อ จึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯต่อเนื่อง โดยลดค่าโอนและจำนองเหลือ 0.01% อีก 1 ปี ยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหรือลด 50% ผ่อนมาตรการ LTV ชั่วคราว 2 ปี
   อสังหาฯมั่นใจ ตอกเข็มไฮสปีดอีอีซี กระตุ้นลงทุน หนุนเช่ายาวเกิน 30 ปี ชี้ถึงเวลาลดดอก เลิกLTVแล้ว

   วันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า จากความไม่แน่นอนสูงของภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้มีการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะมีการขยายตัวไม่ถึง 3% สะท้อนจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) คาดการณ์อยู่ระหว่าง 2.3-3.3% และค่ากลางที่ 2.8% ดังนั้นจึงทำให้นักธุรกิจและนักลงทุน อาจต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนใหม่มากขึ้น ขณะที่สถาบันการเงินจะมีการตั้งสำรองไว้สูงขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียที่อาจจะไหลเข้ามามากขึ้น หลังโครงการคุณสู้เราช่วย ยังมีผู้เข้าร่วมโครงการในจำนวนที่น้อย ซึ่งโครงการนี้ถือว่าดีแต่อาจจะขาดการประชาสัมพันธ์หรือการสร้างรับรู้ถึงผลที่จะได้รับน้อยไป จึงทำให้ไม่จูงใจ

    ตอกเข็มไฮสปีดปลุกเชื่อมั่นอีอีซี

    นายสุนทรกล่าวว่า ส่วนการที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) แจ้งข่าวดีว่า 2 โครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) คือ สนามบินและเมืองการบินอู่ตะเภาและรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) จะเริ่มการก่อสร้างในกลางปีนี้นั้น จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้มากขึ้น และทำให้เกิดความเคลื่อนไหวของการลงทุนใหม่ๆเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน ทั้งอสังหาฯ การก่อสร้าง เนื่องจากอีอีซีเป็นที่รู้จักของทั่วโลกอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนจะลงมือก่อสร้างอินฟราสตรัคเจอร์มารองรับแล้ว จะเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญมากขึ้น อย่างไรก็ดีอีอีซีต้องเตรียมพร้อมเรื่องแรงงานที่ต้องพัฒนารองรับกับเทรนด์สมัยใหม่ในอุตสาหกรรมไฮเทคและดิจิทัท เพราะอีอีซีถูกกำหนดให้เป็นเมืองอัจฉริยะ

    จี้เลิก LTV-ลดดอกเบี้ยพยุงศก.

    นายสุนทรกล่าวว่า สำหรับภาคธุรกิจอสังหาฯ ด้วยสภาพตลาดโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัว ติดปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านสูง จากปัจจุบันที่แบงก์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อทั้งผู้พัฒนาโครงการและผู้ซื้อ จึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯต่อเนื่อง โดยลดค่าโอนและจำนองเหลือ 0.01% อีก 1 ปี ยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหรือลด 50% ผ่อนมาตรการ LTV ชั่วคราว 2 ปี เพื่อดึงคนมีกำลังซื้อมาซื้อบ้านหลังที่2และหลังที่3 รวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะมีการประชุมวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อลดภาระผู้ผ่อนบ้านและภาคธุรกิจ

    "มาตรการLTV ทราบว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รับไว้พิจารณาแล้ว อาจจะผ่อนคลายให้ไม่เกินครึ่งปีแรกนี้ หลังภาคอสังหาฯเข้าร่วมประชุมเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่ง LTV เป็นสิ่งสำคัญต่อเซนติเมนต์ตลาดอสังหาฯ แต่ถ้าผ่อนปรนได้เร็วขึ้นกว่านี้จะเป็นการดี เพราะธุรกิจอสังหาฯ ถือเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวได้"นายสุนทรกล่าว

    แนะออกมาตรการดึงนักลงทุนตปท.

    นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนสูง รวมถึงยังมีปัจจัยเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายของทรัมป์เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้เกิดความผันผวน และมีความไม่แน่นอนสูง แต่ก็มีทั้งโอกาสและอุปสรรค ดังนั้นเมื่อความไม่แน่นอนมีเยอะกว่า จะทำให้คนชะลอการลงทุน รวมถึงตลาดอสังหาฯที่ต้องปรับแผนกระจายความเสี่ยง ด้วยซัพพลายในตลาดยังล้น จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เช่น ลดค่าโอนและจำนองเหลือ 0.01% ในทุกระดับราคา มีมาตรการสนับสนุนการกู้ให้ง่ายขึ้น รวมถึงผ่อนคลาย LTV เป็นการชั่วคราว เพราะปัจจุบันการซื้อเพื่อเก็งกำไรหมดไปแล้ว เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ

   นายณัฐพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้อยากให้มีมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติมาอยู่ประเทศไทยได้นานขึ้น ซึ่งไม่ใช่เป็นการกระตุ้นแค่ภาคอสังหาฯโดยตรง ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ต้องการเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา ทั้งนี้เมื่อนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำงานก็ต้องการที่อยู่อาศัย ส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯ ซึ่งภาคอสังหาฯก็เป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ด้วย

    เชียร์เช่าระยะยาวเกิน30ปี

    "เพื่อให้ประเทศไทยได้ประโยชน์จากการที่ต่างชาติเข้ามากขึ้น ภาครัฐอาจจะจัดเก็บภาษีมากขึ้น กำหนดเม็ดเงินการลงทุนขั้นต่ำ ขณะที่การซื้ออสังหาฯต้องจำกัดความเสี่ยง เช่น จำกัดทำเล กำหนดราคาขั้นต่ำ สัดส่วนพื้นที่ เพื่อคลายความกังวลใจต่าง ๆ และการที่รัฐบาลจะขยายเวลาการเช่าตามพ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิให้ได้มากกว่า 30 ปี ผมสนับสนุนอย่างมาก โดยขยายการเช่าเป็น 60 ปี 70 ปี ในมุมของนักธุรกิจอสังหาฯมองว่าน่าจะเพียงพอต่อการดึงดูดชาวต่างชาติแล้ว เพราะ 30 ปีถือว่าสั้นเกินไป"นายนายณัฐพงศ์กล่าว
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ