ASW เตรียมเปิด10 โครงการใหม่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภูเก็ต เข็นรายได้ทะลุ "หมื่นล้าน"
วันที่ : 22 กุมภาพันธ์ 2568
ASW วางเป้าปี 68 เตรียมเปิด เปิด 10 โครงการใหม่ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูเก็ต 22,000 ล้านบาท พร้อมเป้ายอดขาย 19,500 ล้านบาท เป้ารายได้ 10,500 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อกสะสม 25,413 ล้านบาท พร้อมทยอยโอนโครงการสร้างเสร็จใหม่ปีนี้ 7 โครงการ มูลค่ารวม 14,050 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่าปี 2567 ที่ผ่านมา ASW มียอดขาย19,330 ล้านบาท เติบโตราว 17% จากปี 2566 และเกินกว่าเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ที่ 17,800 ล้านบาท
ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 9,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อนหน้า เกินเป้าหมายรายได้เดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 8,700 ล้านบาท และสามารถทำกำไรสุทธิ 1,457 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 33% ซึ่งถือเป็นสถิติรายได้และกำไรสุทธิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
โดยมีแรงส่งจากโครงการที่มีกระแสตอบรับดีและมียอดโอนกรรมสิทธิ์โดดเด่นอย่างเคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) มูลค่า 3,500 ล้านบาท และเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) มูลค่า 1,537 ล้านบาท
ซึ่งเป็นโครงการแรกที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์และทยอยรับรู้รายได้ หลัง ASW เข้าถือหุ้นในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต
"ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนจากหลายปัจจัย แต่ ASW ยังสามารถรักษาการเติบโตด้านยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่อง จากการวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน การขยายไปยังทำเลใหม่ที่มีศักยภาพสูงอย่างภูเก็ต และการส่งมอบโครงการได้ตามกำหนด ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจ
นอกจากนี้ยังใช้กลยุทธ์ Lifestyle Marketing ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่าง ตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น"
อย่างไรก็ดีแม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ต้องเผชิญความท้าทายจากมาตรการคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน แต่ยังมีปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งธนาคารโลก (World Bank) และกระทรวงการคลัง ประเมินว่า จีดีพีไทยจะเติบโตขึ้นราว 2.9-3.0% จากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน การส่งออกและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน
นอกจากนี้ ยังมีการเข้ามาลงทุน Data Center ของ Tech Company ระดับโลกในไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการจ้างงานคนในประเทศและ Expats ส่งผลให้กำลังซื้อของคนในประเทศมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงกระตุ้นดีมานด์การเช่าและซื้อคอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติ
ปี 2568 นี้ ASW จึงเดินหน้ากลยุทธ์ "Growing Success, Growing Happiness" เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ด้วยการวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่าทั้งหมด 22,000 ล้านบาท บนทำเลยุทธศาสตร์ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูเก็ต แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ รวมมูลค่า 20,500 ล้านบาท
ครอบคลุม 3 แบรนด์หลัก KAVE, ATMOZ และ MODIZ อาทิ แอทโมซ เดอ โซล ทิพวัล สเตชั่น (Atmoz De Sol Thipphawan Station), เคฟ เพลย์กราวด์ (Kave Playground)
รวมถึงโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต เช่น เดอะ คาตาเบลโล (THE KATABELLO), อะดอร่า ราไวย์ (ADORA RAWAI) และโครงการแนวราบในจังหวัดภูเก็ตอีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 1,500 ล้านบาท ต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ THE TITLE สู่โครงการ Luxury Villa เป็นครั้งแรกบนทำเลหาดในยางและเชิงทะเล
ควบคู่กับการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพและเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค อย่างธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์, Health & Wellness และเอนเตอร์เทนเมนต์ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 19,500 ล้านบาท และเป้ารายได้ 10,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2567 ASW มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่แข็งแกร่ง ราว 25,413 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์และทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568 ทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่ารวม 14,050 ล้านบาท
โดยมีโครงการที่เตรียมโอนในช่วงครึ่งปีแรก 4 โครงการ ได้แก่
1. แอทโมซ ซีซั่น ลาดกระบัง (Atmoz Season Ladkrabang) คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ มูลค่า 1,100 ล้านบาท
2. เคฟ โคโค่ บางแสน (Kave COCO Bangsaen) โครงการแคมปัสคอนโดติด ม.บูรพา มูลค่า 2,000 ล้านบาท
3. แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน (Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin) คอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย มูลค่า 1,750 ล้านบาท
4. แอทโมซ แคนวาส ระยอง (Atmoz Canvas Rayong) คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ติดเซ็นทรัลระยอง มูลค่า 1,250 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบัน ASW มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 22 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 19 โครงการ และ ณ สิ้นปี 2567 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 25,413 ล้านบาท
ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 9,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อนหน้า เกินเป้าหมายรายได้เดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 8,700 ล้านบาท และสามารถทำกำไรสุทธิ 1,457 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 33% ซึ่งถือเป็นสถิติรายได้และกำไรสุทธิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
โดยมีแรงส่งจากโครงการที่มีกระแสตอบรับดีและมียอดโอนกรรมสิทธิ์โดดเด่นอย่างเคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) มูลค่า 3,500 ล้านบาท และเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) มูลค่า 1,537 ล้านบาท
ซึ่งเป็นโครงการแรกที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์และทยอยรับรู้รายได้ หลัง ASW เข้าถือหุ้นในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต
"ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนจากหลายปัจจัย แต่ ASW ยังสามารถรักษาการเติบโตด้านยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่อง จากการวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน การขยายไปยังทำเลใหม่ที่มีศักยภาพสูงอย่างภูเก็ต และการส่งมอบโครงการได้ตามกำหนด ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจ
นอกจากนี้ยังใช้กลยุทธ์ Lifestyle Marketing ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่าง ตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น"
อย่างไรก็ดีแม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ต้องเผชิญความท้าทายจากมาตรการคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน แต่ยังมีปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งธนาคารโลก (World Bank) และกระทรวงการคลัง ประเมินว่า จีดีพีไทยจะเติบโตขึ้นราว 2.9-3.0% จากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน การส่งออกและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน
นอกจากนี้ ยังมีการเข้ามาลงทุน Data Center ของ Tech Company ระดับโลกในไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการจ้างงานคนในประเทศและ Expats ส่งผลให้กำลังซื้อของคนในประเทศมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงกระตุ้นดีมานด์การเช่าและซื้อคอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติ
ปี 2568 นี้ ASW จึงเดินหน้ากลยุทธ์ "Growing Success, Growing Happiness" เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ด้วยการวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่าทั้งหมด 22,000 ล้านบาท บนทำเลยุทธศาสตร์ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูเก็ต แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ รวมมูลค่า 20,500 ล้านบาท
ครอบคลุม 3 แบรนด์หลัก KAVE, ATMOZ และ MODIZ อาทิ แอทโมซ เดอ โซล ทิพวัล สเตชั่น (Atmoz De Sol Thipphawan Station), เคฟ เพลย์กราวด์ (Kave Playground)
รวมถึงโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต เช่น เดอะ คาตาเบลโล (THE KATABELLO), อะดอร่า ราไวย์ (ADORA RAWAI) และโครงการแนวราบในจังหวัดภูเก็ตอีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 1,500 ล้านบาท ต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ THE TITLE สู่โครงการ Luxury Villa เป็นครั้งแรกบนทำเลหาดในยางและเชิงทะเล
ควบคู่กับการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพและเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค อย่างธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์, Health & Wellness และเอนเตอร์เทนเมนต์ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 19,500 ล้านบาท และเป้ารายได้ 10,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2567 ASW มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่แข็งแกร่ง ราว 25,413 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์และทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568 ทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่ารวม 14,050 ล้านบาท
โดยมีโครงการที่เตรียมโอนในช่วงครึ่งปีแรก 4 โครงการ ได้แก่
1. แอทโมซ ซีซั่น ลาดกระบัง (Atmoz Season Ladkrabang) คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ มูลค่า 1,100 ล้านบาท
2. เคฟ โคโค่ บางแสน (Kave COCO Bangsaen) โครงการแคมปัสคอนโดติด ม.บูรพา มูลค่า 2,000 ล้านบาท
3. แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน (Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin) คอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย มูลค่า 1,750 ล้านบาท
4. แอทโมซ แคนวาส ระยอง (Atmoz Canvas Rayong) คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ติดเซ็นทรัลระยอง มูลค่า 1,250 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบัน ASW มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 22 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 19 โครงการ และ ณ สิ้นปี 2567 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 25,413 ล้านบาท
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ