คนไทยพร้อมหรือยัง? ยอมจ่ายก่อสร้างรักษ์โลก วัสดุในประเทศพัฒนาถึงไหนแล้ว
Loading

คนไทยพร้อมหรือยัง? ยอมจ่ายก่อสร้างรักษ์โลก วัสดุในประเทศพัฒนาถึงไหนแล้ว

วันที่ : 19 ธันวาคม 2567
ผลสำรวจจากธนาคารไทยพาณิชย์ SCB EIC พบว่า ผู้บริโภคมากกว่า 90% สนใจวัสดุก่อสร้างที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดอุณหภูมิของตัวบ้าน และเป็นมิตร ต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย และสัตว์เลี้ยง โดยส่วนใหญ่ยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่เกิน 5% จากราคาวัสดุก่อสร้างทั่วไป
     ความต้องการใช้งานวัสดุก่อสร้าง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีแนวโน้มเติบโตตามการพัฒนาอาคารที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารเชิงพาณิชย์ และโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้ รับการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบกับแรงกดดันจากกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับการก่อสร้างอาคาร จึงส่งผลให้การพัฒนาอาคารที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมยัง มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หนุนให้เกิดการขยายตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับวัสดุก่อสร้าง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่บางส่วนยังกังวลในด้านประสิทธิภาพ และความคงทนของการใช้งาน

    ผลสำรวจจากธนาคารไทยพาณิชย์ SCB EIC พบว่า ผู้บริโภคมากกว่า 90% สนใจวัสดุก่อสร้างที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดอุณหภูมิของตัวบ้าน และเป็นมิตร ต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย และสัตว์เลี้ยง โดยส่วนใหญ่ยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่เกิน 5% จากราคาวัสดุก่อสร้างทั่วไป

    แต่ยังมีข้อจำกัดจากปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจ สะท้อนจากผู้ที่ยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติพิเศษในปี 67 มีสัดส่วนที่ลดลงจากปี 66 รวมถึงผู้บริโภคยังมีความกังวลใจต่อการใช้งานวัสดุก่อสร้างบางประเภทที่ไม่ใช่วัสดุสำหรับการก่อสร้างแบบดั้งเดิม เช่น ชิ้นส่วนและโครงสร้างสำเร็จ ทั้งในด้านความแข็งแรง และอายุการใช้งาน เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติและการใช้งาน หรือยังไม่รู้จักวัสดุก่อสร้างประเภทดังกล่าว

    แม้ว่า วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะมีราคาสูงกว่าวัสดุก่อสร้างทั่วไป แต่ก่อให้เกิดความคุ้มค่าในระยะยาว การใช้วัสดุ การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต และเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงยังจำเป็นต้องพัฒนาทักษะแรงงานในการผลิตวัสดุก่อสร้างที่ลดมลพิษ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นในระยะแรก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างดังกล่าวมีแนวโน้มสูงกว่าวัสดุก่อสร้างทั่วไป แต่เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ โดยเฉพาะการประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้า การลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาซ่อมแซมอาคาร และสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้มีสุขภาวะ รวมถึงเป็นการเพิ่มมูลค่าของอาคารจากการกำหนดอัตราค่าเช่าได้สูงกว่าอาคารทั่วไปสำหรับองค์กร หรือหน่วยธุรกิจที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดีในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

    ชี้ภาครัฐต้องหนุนให้ใช้เพิ่ม

    SCB EIC มองว่า การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในไทย ยังต้องอาศัยการส่งเสริมจากทั้งภาครัฐ และความร่วมมือจากภาคธุรกิจ ภาครัฐได้มีการส่งเสริมการใช้งานวัสดุก่อสร้างที่มีการปล่อย Emission ในปริมาณต่ำ ผ่านการกำหนดสัดส่วนวัสดุก่อสร้างฉลากเขียวที่ต้องใช้ภายใต้ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการภาครัฐ รวมถึงแรงผลักดันจากเกณฑ์มาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Building Energy Code : BEC) จะเป็นปัจจัยหนุนให้อุปสงค์และอุปทานของวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถขยายตัวได้

    สำหรับความต้องการใช้งานของผู้บริโภคทั่วไป ยังต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงกำลังซื้อ อีกทั้งจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภคว่าการใช้งานและคุณสมบัติของวัสดุก่อสร้างประเภทดังกล่าวไม่ได้แตกต่างไปจากวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิม และในบางกรณียังมีคุณสมบัติที่ดีกว่า เช่น มีความแข็งแรง อายุการใช้งาน ยาวนานกว่า และสามารถช่วยประหยัด ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ซึ่งก่อให้เกิดความคุ้มค่าหากจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยภาคเอกชนผู้ผลิตควรสื่อสารและประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติพิเศษของผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง ดังกล่าวกับผู้บริโภคให้เกิดการรับรู้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยมีการแสดงผลการทดสอบ และการรับรองคุณภาพที่น่าเชื่อถือ รวมถึงหาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุน และสามารถกำหนด ราคาได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการวางจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะ ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค

    วัสดุก่อสร้างรักษ์โลกในไทยพัฒนาถึงไหน?

    นวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย มีการพัฒนาทั้งในเชิงของกระบวนการผลิต และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ สำหรับการผลิตวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก และปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นวัสดุโครงสร้างของอาคาร และมีการปล่อย Emission จากกระบวนการผลิตออกมามาก พบว่า ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างประเภทดังกล่าวในไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต เช่น การเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในขั้นตอนการผลิต และแปรรูป การเพิ่มสัดส่วนการรีไซเคิลเศษเหล็กในการผลิตเหล็ก การผลิตปูนซีเมนต์ ไฮดรอลิกโดยลดการเผาไหม้ปูนเม็ด (Clinker) ที่ต้องพึ่งพาการใช้พลังงานจากถ่านหิน เพื่อนำมาใช้ทดแทนปูนซีเมนต์ พอร์ตแลนด์ทั่วไป

    นอกจากนี้ขั้นตอนการก่อสร้างยังมีการใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปมากขึ้น ทั้งการก่อสร้างอาคารที่มีการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ แล้วนำมาประกอบที่หน้างาน การก่อสร้างอาคารที่อาศัยแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีการหล่อหรือขึ้นรูปจากโรงงานสำหรับการ นำไปประกอบเป็นตัวอาคาร (Precast) และการผลิตโครงสร้างพร้อมตกแต่งสำเร็จ และนำมาประกอบหน้างาน

    อย่างไรก็ตามภาครัฐสามารถออกมาตรการสนับสนุนใช้งานวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน TREES for Home รวมถึงมาตรการจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น มาตรการอุดหนุนครัวเรือนในการซื้อวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการนำค่าใช้จ่ายในการซื้อวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปลดหย่อนภาษีเงินได้
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ