บ้านมือสองท่วมตลาด9.9แสนล.
Loading

บ้านมือสองท่วมตลาด9.9แสนล.

วันที่ : 16 พฤษภาคม 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ปี 2567 คาดตลาดบ้านมือสองขยายตัว 5-10% ตามภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัย เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ ของรัฐบาล และทิศทางดอกเบี้ยที่อาจมีการปรับตัวลดลง 0.25%-0.50%
    ปัจจัยรุมเร้าอื้อ-รีเจ็กต์เรตพุ่ง50%

    หวังพึ่งพามาตรการรัฐ 'ช่วยบูสต์'

    วิกฤตโควิด เศรษฐกิจดันทรัพย์มือสองไหลเข้าตลาดไม่หยุด สวนทางกำลังซื้อ ยังไม่ฟ้น รีเจ็กต์เรตพุ่ง 40-50% หวังมาตรการรัฐปลุก REIC คาดปี'67 มูลค่าโอนบ้านมือสองแตะ 4.9 แสนล้าน

     นายปรีชา ศุภปีติพร นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์โควิดจนถึงปี 2567 มีทรัพย์มือสองออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทรัพย์จากธนาคารเป็นไป ตามสภาวะเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทรัพย์ที่ออกจากธนาคารยังขายได้เรื่อยๆ เนื่องจากตั้งราคาค่อนข้างต่ำ มีการจัดโปรโมชั่น และมีการขายผ่านนายหน้า จึงทำให้ระบายได้เร็ว ประกอบกับ ปี 2567 รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ออกมาในส่วนของลดค่าโอนและจดจำนอง สินเชื่อซอฟต์โลน ที่ครอบคลุมทั้งบ้านใหม่และมือสองด้วย คาดทำให้กำลังซื้อในตลาดคึกคักมากยิ่งขึ้น

   นายปรีชากล่าวว่า ตลาดบ้านมือสองยังประสบกับปัญหาถูกปฏิเสธสินเชื่อหรือรีเจ็กต์เรต ใกล้กับบ้าน มือหนึ่งระดับ 40-50% สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และกู้ได้ไม่เต็ม 100% มาตรการ LTV ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ยกเลิก หรือผ่อนปรนให้ก็มีผลกระทบเช่นกัน โดยทรัพย์มือสองจากแบงก์ อยู่ในกรุงเทพฯน้อย ส่วนใหญ่อยู่รอบนอก ราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ถ้าเป็นทรัพย์ มือสองทั่วไปจะกระจายในหลายพื้นที่ ซึ่งคอนโด มีมากขึ้น ส่วนบ้านมีออกมาเรื่อยๆ

   "จากภาวะเศรษฐกิจ มีเปลี่ยนงาน เปลี่ยนที่อยู่ หรือต้องการหมุนเงิน พบว่า คนอยากขายมากกว่าซื้อ ทำให้บ้านมือสองยังขายได้ เพราะราคาถูกกว่าบ้านใหม่เกือบ 50% และอยู่ในทำเลสะดวก ใกล้โรงเรียน ทำให้คนซื้ออยู่เองและซื้อรีโนเวตเพื่อขายต่อ ปัจจุบันราคาขาย ยังไม่ตก แต่ไม่หวือหวา" นายปรีชากล่าว

   นายปรีชากล่าวว่า ยังพบว่าปี 2567 มีที่ดินเปล่าออกมาขายมากขึ้น เพื่อลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ปีนี้จ่ายเต็ม 100% หากยังไม่ได้ทำประโยชน์ต้องจ่ายเพิ่มเท่าตัว ส่วนใหญ่เป็นขนาด 1 ไร่ขึ้นไป และอยู่ในทำเลที่ราคาประเมินสูง มีทั้งที่ที่ดินส่วนบุคคลและบริษัทอสังหาฯที่ต้องการบริหารและจัดพอร์ตใหม่ นอกจากประกาศขายแล้ว ยังมีการปล่อยเช่า

   นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า สภาวะตลาดบ้านมือสองในประเทศไทยมีขนาดใหญ่พอสมควร โดยจำนวนอุปทานบ้านมือสองจะมีหน่วยที่มีเสนอขาย 60% เมื่อเทียบกับอุปทานตลาดบ้านใหม่ และในแต่ละปีมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์มากกว่า 2 แสนหน่วย มูลค่ากว่า 470,000 ล้านบาท จึงถือบ้านมือสองมีความสำคัญต่อตลาดอสังหาฯมาก จากที่ได้รวบรวมข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศที่ประกาศขายผ่านเว็บไซต์บริษัทภาคเอกชน และข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองของสถาบันการเงินของรัฐและเอกชน บริษัทบริหารสินทรัพย์ภาครัฐและเอกชน และกรมบังคับคดี ที่ขายผ่านเว็บไซต์ตลาดนัดบ้านมือสองพบไตรมาส 4/2566 ประกาศขาย 150,465 หน่วย มูลค่า 999,874 ล้านบาท

    นายวิชัยกล่าวว่า ปี 2567 คาดตลาดบ้านมือสองขยายตัว 5-10% ตามภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัย เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ ของรัฐบาล และทิศทางดอกเบี้ยที่อาจมีการปรับตัวลดลง 0.25%-0.50% ซึ่งตลาดบ้านมือสองคงมีปัจจัยลบอยู่มาก โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ความเข้มงวดพิจารณาสินเชื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง จะมีผลกระทบโดยตรงผู้ซื้อบ้านมือสอง คาดว่าปี 2567 บ้านมือสองอาจมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ 2.3 แสนหน่วย มูลค่า 490,000 ล้านบาท
ข่าวบ้านมือสอง อื่นๆ