นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรก ปี 66 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มียอดขายในภาพรวมลดลง 29.1% มาจากยอดขายคอนโดมิเนียมที่ลดลงมาก ยอดขายบ้านจัดสรร ยังช่วยประคองสถานการณ์ไว้ได้บางส่วน ส่งผลให้หน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายรวมในตลาดเพิ่มขึ้น 7.8% มี 182,935 หน่วย มูลค่า 8.83 แสนล้านบาท ยอดขายใหม่  21,291 หน่วย มูลค่า 1.05 แสนล้านบาท

          สำหรับสถานการณ์ที่อยู่อาศัยบ้านจัดสรร พบว่า หน่วยที่มีการเสนอขายที่อยู่อาศัยแนวราบ 124,723 หน่วย มูลค่า 679,672 ล้านบาท ขยายตัว 6.9% ซึ่ง ประเภทบ้านที่มีการขยายตัวของหน่วยเสนอขายมากได้แก่ บ้านเดี่ยว และ ทาวน์เฮาส์ เมื่อดูถึงยอดขายใหม่ 11,581 หน่วย มูลค่า 69,599 ล้านบาท ส่วนสถานการณ์คอนโดมิเนียมมีการเสนอขาย 79,503 หน่วย มูลค่า 309,579 ล้านบาท ลดลง 4.3%

          ส่วนทำเลของบ้านจัดสรรที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากยังคงมีหน่วยเหลือขายที่มากติดอันดับต้น ๆ แม้ว่าบางพื้นที่มียอดขายและอัตราการดูดซับที่ดี เช่น บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย เหลือขาย 16,803 หน่วย มูลค่า 80,150 ล้านบาท, บางพลีบางบ่อ-บางเสาธง เหลือขาย 15,221 หน่วย มูลค่า 84,580 ล้านบาท, ทำเลลำลูกกา-ธัญบุรี เหลือขาย 13,726 หน่วย มูลค่า 54,287 ล้านบาท เป็นต้น ขณะที่ทำเล ที่มีหน่วยเหลือขายของคอนโดฯ มาก ที่ควรระมัดระวัง เช่น ทำเลธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อยบางกอกใหญ่-บางพลัด เหลือขาย 8,544 หน่วย มูลค่า 27,045 ล้านบาท เป็นต้น