อสังหาฯ 'อีอีซี' สต๊อกท่วมตลาดแสนล้าน
Loading

อสังหาฯ 'อีอีซี' สต๊อกท่วมตลาดแสนล้าน

วันที่ : 29 มิถุนายน 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยชลบุรียังมีโอกาสขยายตัว แต่ต้องระวังอุปทานส่วนเกินอาคารชุด และทาวน์เฮาส์ที่ยอดขายลดลงติดต่อกัน 5 ไตรมาส
    พิษปิดโรงงานทุบกำลังซื้อ 'โซนนิคม' ดิ่ง

    คนแห่ขายบ้านหันเช่า 'อพาร์ตเมนต์' คึก

   นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ผลสำรวจที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายไตรมาส 1 ปี 2567 ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใน 3 จังหวัด มีเสนอขาย 50,401 หน่วย เพิ่ม 0.2% เป็นอาคารชุด 22,657 หน่วย เพิ่ม 25.1% มูลค่า 80,972 ล้านบาท บ้านจัดสรร 27,744 หน่วย ลดลง 13.8% มูลค่า 92,448 ล้านบาท โดยพบว่าจังหวัดชลบุรีเหลือขาย 29,224 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.8% มูลค่า 110,161 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 17,300 หน่วย เพิ่มขึ้น 26.2% มูลค่า 66,383 ล้านบาท บ้านจัดสรร 11,924 หน่วย ลดลง 5.9% มูลค่า 43,778 ล้านบาท ทำเลเหลือขายมากสุด ได้แก่ จอมเทียน พัทยา-เขาพระตำหนัก นิคมอมตะนคร-บายพาส นิคมพานทอง-พนัสนิคม และบางแสน-หนองมน-บางพระ

    นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนจังหวัดระยองเหลือขาย 9,235 หน่วย ลดลง 19.8% มูลค่า 25,619 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 920 หน่วย ลดลง 14.2% มูลค่า 3,239 ล้านบาท บ้านจัดสรร 8,315 หน่วย ลดลง 20.3% มูลค่า 22,381 ล้านบาท ทำเลมีหน่วยเหลือขายมากสุด ได้แก่ นิคมมาบตาพุด เมืองระยอง นิคมอมตะซิตี้-อีสเทิร์น นิคมเหมราช และนิคมมาบตาพุด สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทราเหลือขาย 5,385 หน่วย ลดลง 19.1% มูลค่า 15,894 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 1,325 หน่วย ลดลง 25.6% มูลค่า 1,601 ล้านบาท บ้านจัดสรร 4,060 หน่วย ลดลง 16.8% มูลค่า 14,293 ล้านบาท ทำเลเหลือขายมากสุด ได้แก่ บางปะกง เมืองฉะเชิงเทรา และบ้านโพธิ์

     "ตลาดที่อยู่อาศัยชลบุรียังมีโอกาสขยายตัว แต่ต้องระวังอุปทานส่วนเกินอาคารชุด และทาวน์เฮาส์ที่ยอดขายลดลงติดต่อกัน 5 ไตรมาส ส่วนบ้านเดี่ยวยังขยายตัวดี บ้านแฝดทรงตัว ส่วนระยองเป็นตลาดที่ยอดขายบ้านจัดสรรลดลง แต่ไม่เกิดอุปทานส่วนเกิน เพราะผู้ประกอบการปรับตัวลดการเติมอุปทานใหม่ รวมถึงอาคารชุดที่ควรเว้นช่วงเติมอุปทานใหม่ ขณะที่ฉะเชิงเทราบ้านจัดสรร ยอดขายลดลงค่อนข้างแรงและอาคารชุดก็ชะลอตัว" นายวิชัยกล่าว

      นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี ยังพอไปได้ในระดับราคาเกิน 5 ล้านบาท แต่ต่ำกว่า 3-5 ล้านบาท ยังมีปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านสูงถึง 50% ส่งผลให้ตลาดชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยอดขาย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ การเข้าชมโครงการที่ลดลงกว่า 30% ต้องนำมาขายใหม่ 3-4 รอบ โดยเฉพาะโซนนิคมอุตสาหกรรมที่ยอดขายหายไปมาก เช่น นิคมอมตะ บ่อวิน ผลจากภาวะเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย การปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้คนไม่มั่นใจเศรษฐกิจ จึงชะลอซื้อที่อยู่อาศัยและเปลี่ยนเป็นการเช่าแทน ทำให้ตั้งแต่ปลายปี 2566 ตลาดอพาร์ตเมนต์ หอพัก บ้านเช่า กลับมาคึกคักจากช่วงโควิดถึง 100%

      ดังนั้นจึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงและเลิกมาตรการ LTV ชั่วคราว เพื่อกระตุ้นตลาด เนื่องจากปัจจุบันกำลังซื้อใหม่ในตลาดก็ไม่มี ขณะที่ลูกค้าเก่ามีภาระผ่อนอยู่ก็ผ่อนต่อไม่ไหว ต้องนำมาประกาศขายและเปลี่ยนไปเช่าหอพักหรือบ้านเช่าแทน
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ