อสังหาฯ กทม.-ปริมณฑล ยอดขายหนืด บิ๊กเนม หันหัวรบ บุก หัวเมืองใหญ่ ขยายฐานลูกค้ารับกำลังซื้อต่างชาติ

          ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ครึ่งปีหลังปี 2566 ยังไม่สดใส โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า มียอดขายชะลอตัวจากปัจจัยเสี่ยงทั้งเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางการเมือง การแข่งขันรุนแรง และมีสต็อกเหลือขายจำนวนมากเกือบ 2 แสนหน่วย

          ขณะการมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หมุดหมายที่ผู้ประกอบการไทยต้องการเจาะตลาด แม้ปริมาณ ไม่เป็นไปตามเป้า แต่เชื่อว่า ยังมีความต้องการยังมี โดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวที่ผู้ประกอบการหันไปบุกตลาดกันมากขึ้น

          เริ่มจาก บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ยังคงขยายการพัฒนาออกต่างจังหวัดต่อเนื่อง เพราะพบว่ามีกำลังซื้อรออยู่ทั้ง คนทำงาน และต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ หัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญและเมืองท่องเที่ยวที่ต่างชาติชื่นชอบ จังหวัดขอนแก่นที่เป็นเมืองราชการ และมีกำลังซื้อ ที่ดี ปี 2566 ค่ายศุภาลัย  เสริมความแข็งแกร่งพัฒนาโครงการใน 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ลำปาง ลำพูน นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรีซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ นายประทีป ตั้งมติธรรม ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย ระบุว่า บริษัทมีเป้าหมายพัฒนาโครงการครอบคลุม 28 จังหวัดภูมิภาค ขยายกลุ่มกำลังซื้อออกไป เพราะยังมองว่า ภูมิภาค มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ดี

          เช่นเดียวกับ นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท นอกจากขยายตลาดไปหัวเมืองเศรษฐกิจใหญ่แล้ว ยังเจาะกำลังซื้อในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ที่มองว่ากำลังซื้อเกิดขึ้นมาจากการเคลื่อนตัวของแรงงาน

          ด้าน บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เป้าหมาย ปี2566 พัฒนา "Smart City" ครอบคลุมทั่วประเทศ หลังพิสูจน์ความสำเร็จแล้วในเขตอีอีซี โดยปีนี้จะเห็นภาพชัดใน 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ภูเก็ต จุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลกหัวหิน จุดหมายการพักผ่อนริมทะเล เขาใหญ่ จุดหมายการท่องเที่ยวแบบนันทนาการ ประตูสู่ภาคอีสาน, ขอนแก่น เมืองแห่งการศึกษาของภาคอีสาน และเป็นจุดหมาย MICE City และเชียงใหม่ เมืองจุดหมายของการเกษียณอายุทั้งคนไทยและ expat

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารออริจิ้น ประเมินว่า ปีนี้มีแผนขยายออกไปต่างจังหวัดมากกว่าที่เคย เน้นการจ้างงานในท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการขยับไปด้วยกันทั้งเครือตั้งแต่ที่พักอาศัย โรงแรม รีเทล จนถึงหน่วยธุรกิจเฮลธ์แคร์ เป็นต้น

          นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัดระบุว่า บริษัทพัฒนาโครงการบ้านหรูพลูวิลล่า รองรับกำลังซื้อต่างชาติในจังหวัดภูเก็ต สำหรับภาพรวมตลาดท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ

          ทั้งนี้ปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 มองว่านักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม และที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นโดยกลุ่มผู้ซื้อหลักยังเป็นชาวรัสเซียถึง 80% เนื่องจากหนีภัยสงครามมาหาซื้อบ้านหลังที่สองในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะตลาดพูลวิลล่า ระดับราคา 6-100 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้า

          ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 มองว่าตลาดอสังหาฯในภูเก็ตมีการเติบโตอยู่แล้ว ซึ่งได้รับอานิสงส์จากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะรัสเซียที่หนีภัยจากสงคราม ส่วนกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ตส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ขณะที่ตลาดกำลังซื้อคนไทยยังไม่กลับมาสมบูรณ์มากนัก ซึ่งคาดว่าตลาดไทยจะกลับมาโตได้ภายใน 2 ปี ด้านการลงทุนของผู้ประกอบการในปี 2566 นี้ พบว่า มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะพูลวิลล่ามากขึ้น ทั้งจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นและจากกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นตลาดแมส ระดับราคา 7-30 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภูเก็ตยังมีพื้นที่ให้พัฒนาพอสมควร แต่ด้วยดีมานด์ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการจะไม่แข่งขันสูงเหมือนกทม.

          นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอสเซทไวส์ (ASW) ประเมินว่า ขณะนี้ตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตฟื้นตัวกว่า 80% เทียบกับช่วงก่อนโควิด โดยทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต ได้วางกลยุทธ์ในการส่งเสริมการทำการตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตไว้ 5 ด้านด้วยกัน คือ กลยุทธ์รักษาตลาดเป้าหมายเดิมไว้ เช่น ตลาดจีน รัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีภูเก็ตอยู่แล้ว ด้วยการออกไปทำตลาดส่งเสริมการขาย ทั้งนี้ยังมีการออกไปทำโรดโชว์ในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก รวมถึงการเจาะตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลางในบางประเทศ โดยภาคเอกชนมองว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัว 100% ในปี 2567 ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ของภูเก็ต

          นาย วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ระบุว่า ผู้ประกอบการขยายการลงทุนอสังหาฯออกสู่ภูมิภาค โดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยว มากขึ้นเนื่องจากตลาดในกทม. และปริมณฑล ยอดขายอืด และการแข่งขันสูง