เจาะตลาดที่อยู่อาศัย ทั่วเมืองไทย กรุงเทพฯ - ใต้ เด่น อีสาน - เหนือ ร่วง
วันที่ : 3 กรกฎาคม 2566
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยว่า จากข้อมูลการโอนแสดงให้เห็นทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัยว่า กรุงเทพฯและปริมณฑล ยังเป็นภูมิภาคหลักขับเคลื่อนการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของประเทศ โดยมีปริมาณยอดขายมากสุด ทั้งแนวราบและอาคารชุด
ทีมข่าวเศรษฐกิจ
การเมือง เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง เป็นของคู่กัน เมื่อปมร้อนยังคุกรุ่น ติดพัน อาจส่งผลให้การรันลงทุนสะดุด รอความชัดเจนโฉมหน้า ว่าที่รัฐบาลและนโยบายใหม่ที่จะเดินหน้า ซึ่งภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อีกหนึ่งฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กำลังตกอยู่ในสภาวะ อึมครึม เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอซื้อขายแล้ว
'ทุนไทย-เทศ' ชะลอปิดดีลกว่าหมื่นล้าน
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บจ.คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้สะท้อนภาพว่าไตรมาส 2/2566 การซื้อขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เช่น สำนักงาน คอนโดมิเนียม โชว์รูมรถ มีมูลค่ารวม 15,460 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 32.8% โดยการซื้อขายกระจายอยู่กรุงเทพฯ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบูรณ์ สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต และจังหวัดเป็นนิคมอุตสาหกรรม มีดีลใหญ่เป็นโชว์รูมรถย่านรามคำแหง มูลค่า 1,282 ล้านบาท และที่ดิน จ.ภูเก็ต 36 ไร่ มูลค่า 417 ล้านบาท
เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี การเมืองไม่แน่นอน ตั้งรัฐบาลล่าช้า ทำให้กิจกรรมตลาดอสังหาฯชะลอรอดูรัฐบาลใหม่ ทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ เพื่อดูใครจะเป็นรัฐบาลและนโยบายกระตุ้นอสังหาฯ จะมีการตัดสินใจอีกครั้งหลังมีรัฐบาลใหม่ ขณะนี้มีรอปิดดีลร่วม 1 หมื่นล้านบาท คาดจะชะลอจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังไม่ชะลอซื้อที่ดิน แต่ตั้งงบซื้อไม่มากเหมือนเมื่อก่อน ขณะที่ราคาที่ดินปรับขึ้นทุกปี 7-10% และด้วยเศรษฐกิจ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เจ้าของที่ดินยังคงนำออกมาขายอย่างต่อเนื่อง
แม้สภาพตลาดไม่ค่อยเอื้อ แต่อสังหาฯรายใหญ่ยังคงลงทุนต่อ แต่สปีด อาจไม่เร็วเหมือนเก่า โดย วิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า บริษัทไม่รอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวตามแผน 17 โครงการ มูลค่า 34,960 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ตั้งงบซื้อที่ดิน 6 พันล้านบาท ถึงเดือนกรกฎาคมใช้งบซื้อแล้ว 4 พันล้านบาท ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูเก็ต แต่ละแปลงมีพื้นที่ 30-40 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ ส่วนคอนโดมิเนียมอาจเลื่อน เปิดตัวจากแผนเดิมจะเปิด 1 โครงการ คือ เดอะคีย์ ศรีนครินทร์ มูลค่า 6,500 ล้านบาท รอดูจังหวะตลาด
ขณะที่ พีระพงศ์ จรูญเอก ซีอีโอ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ระบุว่า ในทุกปีจะเตรียมแลนด์แบงก์ไว้ล่วงหน้า 60 แปลงพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งปี 2566 ตั้งงบซื้อที่ดิน 1 หมื่นล้านบาท มีทีมงาน 100 คน ดูที่ดินแต่ละทำเล ซึ่งที่ดินหาซื้อยาก ราคามีแต่ขึ้น ไม่มีลง แต่จากภาวะเศรษฐกิจทำให้การต่อรองซื้อขายง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน ล่าสุดบริษัทซื้อที่ดินใกล้สถานีแยก คปอ.ของสายสีเขียวช่วงหมอชิต-คูคต และสถานีเตาปูนของสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ เตรียมพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 2567 ส่วนต่างจังหวัดเน้นเมืองหลัก เช่น พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต หาดใหญ่ และจังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
อสังหาฯ 'กทม.-ปริมณฑล' เด่น 'อีสาน' หดตัว
ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) อัพเดตในไตรมาส 1 ปี 2566 ยังมีโมเมนตัมจากปลายปี 2565 จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง มาตรการ LTV ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ มีมูลค่า 241,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% ขณะที่จำนวนหน่วยลดลง 0.8% อยู่ที่ 84,619 หน่วย แต่เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถือว่าทรงตัว หากแยกตามประเภท แนวราบมีการโอน 60,950 หน่วย มูลค่า 170,686 ล้านบาท ลดลง 6.8% และ 0.3% ตามลำดับ ส่วนอาคารชุดมีการขยายตัว มีการโอน 23,669 หน่วย มูลค่า 70,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% และ 34.7% ตามลำดับ
เมื่อลงลึกเป็นรายภูมิภาค "วิชัย" ระบุว่าโดดเด่นสุด คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล 40,259 หน่วย คิดเป็น 47.6% ขยายตัว 0.7% มูลค่า 146,278 ล้านบาท คิดเป็น 60.7% ขยายตัว 7.6% จังหวัดโดดเด่น คือ กรุงเทพฯ 20,287 หน่วย มูลค่า 90,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า 6.1% และ 13.1% ตามลำดับ โดยแนวราบมีการโอนมากในเขตสายไหม สะพานสูง คลองสามวา ส่วนอาคารชุดในเขตวัฒนา คลองเตย ห้วยขวาง
รองลงมาภาคตะวันออก 13,742 หน่วย คิดเป็น 16.2% เพิ่มขึ้น 5.2% มีมูลค่า 33,156 ล้านบาท คิดเป็น 13.7% เพิ่มขึ้น 13.7% จังหวัดโดดเด่น คือ ชลบุรี 8,198 หน่วย มูลค่า 21,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า อยู่ที่ 17.1% และ 25.3% ตามลำดับ โดยแนวราบมีการโอนมาก อ.บางละมุง ศรีราชา เมืองชลบุรี ส่วนอาคารชุดอยู่ อ.บางละมุง สัตหีบ ศรีราชา จังหวัดรองลงมา คือ ระยอง 2,900 หน่วย มูลค่า 6,211 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง 1.9% แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 2.8% โดยแนวราบมีการโอนมาก อ.เมืองระยอง ปลวกแดง นิคมพัฒนา ส่วนอาคารชุดอยู่ที่ อ.เมืองระยอง แกลง บ้านฉาง
ขณะที่ภาคใต้ มี 8,212 หน่วย คิดเป็น 9.7% เพิ่มขึ้น 2.2% มีมูลค่า 19,235 ล้านบาท คิดเป็น 8% เพิ่มขึ้น 16.7% จังหวัดที่โดดเด่น คือ ภูเก็ต 1,860 หน่วย มูลค่า 6,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า อยู่ที่ 39% และ 46.7% ตามลำดับ โดย อ.เมืองภูเก็ต ถลาง กะทู้ มีการโอนแนวราบและอาคารชุดมากสุด
ด้านภาคเหนือ มี 8,011 หน่วย คิดเป็น 9.5% ลดลง 3.7% มีมูลค่า 15,622 ล้านบาท คิดเป็น 6.5% เพิ่มขึ้น 7.9% จังหวัดที่โดดเด่น คือ เชียงใหม่ 3,182 หน่วย มูลค่า 8,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า 11.8% และ 27.1% ตามลำดับ โดยแนวราบและอาคารชุดมีการโอนมาก อ.เมืองเชียงใหม่ สันทราย หางดง
สำหรับภูมิภาคมีภาวะการโอนหดตัวลง คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ 8,691 หน่วย คิดเป็น 10.3% ลดลง 8.6% มีมูลค่า 15,251 ล้านบาท คิดเป็น 6.3% ลดลง 1.8% ภาคตะวันตก 3,072 หน่วย คิดเป็น 3.6% ลดลง 13.7% มีมูลค่า 6,964 ล้านบาท คิดเป็น 2.9% ลดลง 0.7% ภาคกลาง 2,632 หน่วย คิดเป็น 3.1% ลดลง 7.7% มูลค่า 4,662 ล้านบาท คิดเป็น 1.9% ลดลง 3.6%
อานิสงส์ 'ภูเก็ต' ดัน 'ภาคใต้' เข้าโหมดขาขึ้น
"วิชัย" วิเคราะห์ต่อว่า จากข้อมูลการโอนแสดงให้เห็นทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัยว่า กรุงเทพฯและปริมณฑล ยังเป็นภูมิภาคหลักขับเคลื่อนการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของประเทศ โดยมีปริมาณยอดขายมากสุด ทั้งแนวราบและอาคารชุด ส่วนภาคตะวันออกเริ่มเห็นการชะลอตัวของยอดขายทั้งแนวราบและอาคารชุด แม้จะเห็นการโอนขยายตัวในไตรมาส 1 แต่ยอดขายเริ่มชะลอตัวลงทั้งแนวราบและอาคารชุด น่าจะชะลอตัวต่อเนื่อง และเห็นการฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2566
ส่วนภาคใต้มีการโอนและสัญญาณการขยายตัวของยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลจากการฟื้นตัวอย่างมากช่วงปี 2565 ได้แรงผลักดันของการฟื้นตัวในภูเก็ต ขณะที่จังหวัดอื่นๆ เช่น สงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นอีกแรงสนับสนุนช่วยให้ภาคใต้เข้าสู่ทิศทางขาขึ้น สำหรับภาคเหนือมีการฟื้นตัวด้านมูลค่ามากกว่าหน่วยการโอน แต่ยอดขายพบสัญญาณการชะลอตัวทั้งแนวราบและอาคารชุด โดยจังหวัดมีสัญญาณฟื้นตัวยอดขายที่ดี คือ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีภาวะการโอนหดตัวลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยพบว่าลดลงเกือบทุกจังหวัด ซึ่งขอนแก่นและอุบลราชธานี เป็นจังหวัดมีความโดดเด่นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอน และมีสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายอีกด้วย แต่จังหวัดที่มองข้ามไม่ได้ คือ นครราชสีมา แม้การโอนลดลงทั้งหน่วยและมูลค่า แต่มียอดขายในปี 2565 ค่อนข้างคงตัวและพร้อมจะพลิกฟื้นในปี 2566
คงต้องลุ้นกันต่อ "ตลาดอสังหาฯ 2566" จะผงกหัวได้มากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางสารพัดปัจจัยเสี่ยงที่กดดันกำลังซื้อ ทั้งภาวะหนี้ครัวเรือนพุ่ง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น ดีมานด์ต่างชาติยังไม่กลับมา โดยเฉพาะจีนเป็นลูกค้าหลัก รวมถึงบรรยากาศการเมืองที่ปะทุแรง ทั้งใต้ดิน บนดิน
การเมือง เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง เป็นของคู่กัน เมื่อปมร้อนยังคุกรุ่น ติดพัน อาจส่งผลให้การรันลงทุนสะดุด รอความชัดเจนโฉมหน้า ว่าที่รัฐบาลและนโยบายใหม่ที่จะเดินหน้า ซึ่งภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อีกหนึ่งฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กำลังตกอยู่ในสภาวะ อึมครึม เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอซื้อขายแล้ว
'ทุนไทย-เทศ' ชะลอปิดดีลกว่าหมื่นล้าน
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บจ.คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้สะท้อนภาพว่าไตรมาส 2/2566 การซื้อขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เช่น สำนักงาน คอนโดมิเนียม โชว์รูมรถ มีมูลค่ารวม 15,460 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 32.8% โดยการซื้อขายกระจายอยู่กรุงเทพฯ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบูรณ์ สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต และจังหวัดเป็นนิคมอุตสาหกรรม มีดีลใหญ่เป็นโชว์รูมรถย่านรามคำแหง มูลค่า 1,282 ล้านบาท และที่ดิน จ.ภูเก็ต 36 ไร่ มูลค่า 417 ล้านบาท
เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี การเมืองไม่แน่นอน ตั้งรัฐบาลล่าช้า ทำให้กิจกรรมตลาดอสังหาฯชะลอรอดูรัฐบาลใหม่ ทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ เพื่อดูใครจะเป็นรัฐบาลและนโยบายกระตุ้นอสังหาฯ จะมีการตัดสินใจอีกครั้งหลังมีรัฐบาลใหม่ ขณะนี้มีรอปิดดีลร่วม 1 หมื่นล้านบาท คาดจะชะลอจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังไม่ชะลอซื้อที่ดิน แต่ตั้งงบซื้อไม่มากเหมือนเมื่อก่อน ขณะที่ราคาที่ดินปรับขึ้นทุกปี 7-10% และด้วยเศรษฐกิจ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เจ้าของที่ดินยังคงนำออกมาขายอย่างต่อเนื่อง
แม้สภาพตลาดไม่ค่อยเอื้อ แต่อสังหาฯรายใหญ่ยังคงลงทุนต่อ แต่สปีด อาจไม่เร็วเหมือนเก่า โดย วิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า บริษัทไม่รอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวตามแผน 17 โครงการ มูลค่า 34,960 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ตั้งงบซื้อที่ดิน 6 พันล้านบาท ถึงเดือนกรกฎาคมใช้งบซื้อแล้ว 4 พันล้านบาท ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูเก็ต แต่ละแปลงมีพื้นที่ 30-40 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ ส่วนคอนโดมิเนียมอาจเลื่อน เปิดตัวจากแผนเดิมจะเปิด 1 โครงการ คือ เดอะคีย์ ศรีนครินทร์ มูลค่า 6,500 ล้านบาท รอดูจังหวะตลาด
ขณะที่ พีระพงศ์ จรูญเอก ซีอีโอ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ระบุว่า ในทุกปีจะเตรียมแลนด์แบงก์ไว้ล่วงหน้า 60 แปลงพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งปี 2566 ตั้งงบซื้อที่ดิน 1 หมื่นล้านบาท มีทีมงาน 100 คน ดูที่ดินแต่ละทำเล ซึ่งที่ดินหาซื้อยาก ราคามีแต่ขึ้น ไม่มีลง แต่จากภาวะเศรษฐกิจทำให้การต่อรองซื้อขายง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน ล่าสุดบริษัทซื้อที่ดินใกล้สถานีแยก คปอ.ของสายสีเขียวช่วงหมอชิต-คูคต และสถานีเตาปูนของสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ เตรียมพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 2567 ส่วนต่างจังหวัดเน้นเมืองหลัก เช่น พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต หาดใหญ่ และจังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
อสังหาฯ 'กทม.-ปริมณฑล' เด่น 'อีสาน' หดตัว
ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) อัพเดตในไตรมาส 1 ปี 2566 ยังมีโมเมนตัมจากปลายปี 2565 จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง มาตรการ LTV ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ มีมูลค่า 241,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% ขณะที่จำนวนหน่วยลดลง 0.8% อยู่ที่ 84,619 หน่วย แต่เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถือว่าทรงตัว หากแยกตามประเภท แนวราบมีการโอน 60,950 หน่วย มูลค่า 170,686 ล้านบาท ลดลง 6.8% และ 0.3% ตามลำดับ ส่วนอาคารชุดมีการขยายตัว มีการโอน 23,669 หน่วย มูลค่า 70,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% และ 34.7% ตามลำดับ
เมื่อลงลึกเป็นรายภูมิภาค "วิชัย" ระบุว่าโดดเด่นสุด คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล 40,259 หน่วย คิดเป็น 47.6% ขยายตัว 0.7% มูลค่า 146,278 ล้านบาท คิดเป็น 60.7% ขยายตัว 7.6% จังหวัดโดดเด่น คือ กรุงเทพฯ 20,287 หน่วย มูลค่า 90,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า 6.1% และ 13.1% ตามลำดับ โดยแนวราบมีการโอนมากในเขตสายไหม สะพานสูง คลองสามวา ส่วนอาคารชุดในเขตวัฒนา คลองเตย ห้วยขวาง
รองลงมาภาคตะวันออก 13,742 หน่วย คิดเป็น 16.2% เพิ่มขึ้น 5.2% มีมูลค่า 33,156 ล้านบาท คิดเป็น 13.7% เพิ่มขึ้น 13.7% จังหวัดโดดเด่น คือ ชลบุรี 8,198 หน่วย มูลค่า 21,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า อยู่ที่ 17.1% และ 25.3% ตามลำดับ โดยแนวราบมีการโอนมาก อ.บางละมุง ศรีราชา เมืองชลบุรี ส่วนอาคารชุดอยู่ อ.บางละมุง สัตหีบ ศรีราชา จังหวัดรองลงมา คือ ระยอง 2,900 หน่วย มูลค่า 6,211 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง 1.9% แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 2.8% โดยแนวราบมีการโอนมาก อ.เมืองระยอง ปลวกแดง นิคมพัฒนา ส่วนอาคารชุดอยู่ที่ อ.เมืองระยอง แกลง บ้านฉาง
ขณะที่ภาคใต้ มี 8,212 หน่วย คิดเป็น 9.7% เพิ่มขึ้น 2.2% มีมูลค่า 19,235 ล้านบาท คิดเป็น 8% เพิ่มขึ้น 16.7% จังหวัดที่โดดเด่น คือ ภูเก็ต 1,860 หน่วย มูลค่า 6,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า อยู่ที่ 39% และ 46.7% ตามลำดับ โดย อ.เมืองภูเก็ต ถลาง กะทู้ มีการโอนแนวราบและอาคารชุดมากสุด
ด้านภาคเหนือ มี 8,011 หน่วย คิดเป็น 9.5% ลดลง 3.7% มีมูลค่า 15,622 ล้านบาท คิดเป็น 6.5% เพิ่มขึ้น 7.9% จังหวัดที่โดดเด่น คือ เชียงใหม่ 3,182 หน่วย มูลค่า 8,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า 11.8% และ 27.1% ตามลำดับ โดยแนวราบและอาคารชุดมีการโอนมาก อ.เมืองเชียงใหม่ สันทราย หางดง
สำหรับภูมิภาคมีภาวะการโอนหดตัวลง คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ 8,691 หน่วย คิดเป็น 10.3% ลดลง 8.6% มีมูลค่า 15,251 ล้านบาท คิดเป็น 6.3% ลดลง 1.8% ภาคตะวันตก 3,072 หน่วย คิดเป็น 3.6% ลดลง 13.7% มีมูลค่า 6,964 ล้านบาท คิดเป็น 2.9% ลดลง 0.7% ภาคกลาง 2,632 หน่วย คิดเป็น 3.1% ลดลง 7.7% มูลค่า 4,662 ล้านบาท คิดเป็น 1.9% ลดลง 3.6%
อานิสงส์ 'ภูเก็ต' ดัน 'ภาคใต้' เข้าโหมดขาขึ้น
"วิชัย" วิเคราะห์ต่อว่า จากข้อมูลการโอนแสดงให้เห็นทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัยว่า กรุงเทพฯและปริมณฑล ยังเป็นภูมิภาคหลักขับเคลื่อนการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของประเทศ โดยมีปริมาณยอดขายมากสุด ทั้งแนวราบและอาคารชุด ส่วนภาคตะวันออกเริ่มเห็นการชะลอตัวของยอดขายทั้งแนวราบและอาคารชุด แม้จะเห็นการโอนขยายตัวในไตรมาส 1 แต่ยอดขายเริ่มชะลอตัวลงทั้งแนวราบและอาคารชุด น่าจะชะลอตัวต่อเนื่อง และเห็นการฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2566
ส่วนภาคใต้มีการโอนและสัญญาณการขยายตัวของยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลจากการฟื้นตัวอย่างมากช่วงปี 2565 ได้แรงผลักดันของการฟื้นตัวในภูเก็ต ขณะที่จังหวัดอื่นๆ เช่น สงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นอีกแรงสนับสนุนช่วยให้ภาคใต้เข้าสู่ทิศทางขาขึ้น สำหรับภาคเหนือมีการฟื้นตัวด้านมูลค่ามากกว่าหน่วยการโอน แต่ยอดขายพบสัญญาณการชะลอตัวทั้งแนวราบและอาคารชุด โดยจังหวัดมีสัญญาณฟื้นตัวยอดขายที่ดี คือ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีภาวะการโอนหดตัวลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยพบว่าลดลงเกือบทุกจังหวัด ซึ่งขอนแก่นและอุบลราชธานี เป็นจังหวัดมีความโดดเด่นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอน และมีสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายอีกด้วย แต่จังหวัดที่มองข้ามไม่ได้ คือ นครราชสีมา แม้การโอนลดลงทั้งหน่วยและมูลค่า แต่มียอดขายในปี 2565 ค่อนข้างคงตัวและพร้อมจะพลิกฟื้นในปี 2566
คงต้องลุ้นกันต่อ "ตลาดอสังหาฯ 2566" จะผงกหัวได้มากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางสารพัดปัจจัยเสี่ยงที่กดดันกำลังซื้อ ทั้งภาวะหนี้ครัวเรือนพุ่ง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น ดีมานด์ต่างชาติยังไม่กลับมา โดยเฉพาะจีนเป็นลูกค้าหลัก รวมถึงบรรยากาศการเมืองที่ปะทุแรง ทั้งใต้ดิน บนดิน
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ