ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติไตรมาส 1/2566 ทั้งในแง่ของจำนวนหน่วย มูลค่า และพื้นที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดให้ประชาชนของประเทศต่าง ๆ มีการเดินทางระหว่างกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน

          ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศในไตรมาส 1/2566 พบว่าทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 3,775 หน่วย เพิ่มขึ้น 79.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา

          ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศในไตรมาส 1/2566 มีจำนวน 17,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2565 ที่ผ่านมา ขณะที่พื้นที่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 168,664 ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 73.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

          ดร.วิชัย กล่าวอีกว่า การโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติในไตรมาส 1/2566 มีจำนวนหน่วยมากที่สุดในช่วงราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ จำนวน 1,900 หน่วย มีมูลค่า 3,431 ล้านบาท มีสัดส่วนของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดถึง 50.3% แต่มีสัดส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์เพียง 20% เท่านั้น ทั้งนี้ พบว่าห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต เป็นระดับราคาที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมซื้อตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน และสำหรับห้องชุดที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติน้อยสุดคือ ช่วงราคา 7.51-10 ล้านบาทต่อยูนิต

          ทั้งนี้ หากดูยอดจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดสะสมในระหว่างปี 2561-2565 สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส แต่ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 (ไตรมาส 1/2566) อันดับ 5 มีการเปลี่ยนแปลงจากสัญชาติฝรั่งเศส เป็นเยอรมนี