CPANEL อัพกำลังผลิต25%รับดีมานด์อสังหาล้นทะลัก
วันที่ : 7 มีนาคม 2566
ซีแพนเนล ระบุว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มี สัญญาณที่ดีขึ้น โดยจำนวนบ้านจัดสรรก่อสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงเติบโต โดยเฉพาะบ้านระดับกลาง - บน สำหรับอาคารชุด คอนโดมิเนียม คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการที่จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน กลับมาเปิดประเทศ จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหา ให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น
CPANEL เล็งอัพกำลังผลิตเพิ่มอีก 25% เฉียด 1 ล้านตารางเมตร รองรับออเดอร์ลูกค้าอสังหาริมทรัพย์แห่จองล้น ฟากผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2566 โต 10-15% โชว์แบ็กล็อกแน่น 1.2 พันล้านบาท เตรียมเซ็นสัญญาคว้างานใหม่ 200 ล้านบาท เร็วๆ นี้
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทมองการเติบโตรายได้แบบ Conservative หรือเติบโต 10-15% โดยการเติบโตจะมาจากลูกค้ารายใหญ่ในปีนี้ ปรับโมเดลธุรกิจ หลังบางบริษัทขายธุรกิจพรีเคสออกไป ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มพิจารณาและปรับโมเดลการผลิตพรีเคส ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสจะรับงานผลิตพรีเคสใหม่ๆ เพิ่มเติม
เร่งอัพกำลังผลิต
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตอีก 25% เป็น 9.9 แสนตารางเมตร หรือเกือบ 1 ล้านตารางเมตร จากปีก่อนเพิ่มแล้ว 10% เป็น 7.9 แสนตารางเมตร คาดกำลังผลิตเพิ่มในไตรมาส 3/2566 ซึ่งกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นจะรองรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ การเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็ว ออกแบบได้แม่นยำ ลดโอกาสการผิดพลาด และมีคุณภาพ เพิ่มโอกาสการรับงานได้มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมี Economy of Scale ต้นทุนการผลิตลดลง และช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) ให้สูงขึ้น
ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ราว 40% นอกจากนี้บริษัทเตรียมเซ็นสัญญารับงานใหม่เร็วๆ นี้อีก 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทจะมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าภาคอสังหา ตามหัวเมืองใหญ่ โรงแรม และนิคมอุตสาหกรรม ทั้งแนวราบ แนวสูง อาทิ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจเติบโตในอนาคต
สัญญาณโตต่อ
บริษัทมองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มี สัญญาณที่ดีขึ้น โดยจำนวนบ้านจัดสรรก่อสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงเติบโต โดยเฉพาะบ้านระดับกลาง - บน สำหรับอาคารชุด คอนโดมิเนียม คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการที่จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน กลับมาเปิดประเทศ จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหา ให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น อีกทั้งพื้นที่แถบ EEC ในช่วงที่ผ่านมาเป็นเขตเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง ประชากรเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีการโอนกรรมสิทธิ์เป็น 15% จาก 12% และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ด้านปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายที่ 431.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.76 ล้านบาท คิดเป็น 38.85% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายแผ่นผนังและแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปเป็นสำคัญ
นอกจากนี้รายได้อื่นของบริษัทประกอบด้วย รายได้จากการขายเศษเหล็กจากกระบวนการผลิต ดอกเบี้ยรับ และอื่นๆ โดยในปี 2565 บริษัทมี รายได้อื่นๆ ที่ 2.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.77 ล้านบาท คิดเป็น 49.04% เมื่อเปรียบเทียบ กับช่วงเดียวกันของปี 2564 และมีกำไรสุทธิในปี 2565 ที่67.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.14 ล้านบาท หรือ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 มีกำไรสุทธิ 31.80 ล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทมองการเติบโตรายได้แบบ Conservative หรือเติบโต 10-15% โดยการเติบโตจะมาจากลูกค้ารายใหญ่ในปีนี้ ปรับโมเดลธุรกิจ หลังบางบริษัทขายธุรกิจพรีเคสออกไป ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มพิจารณาและปรับโมเดลการผลิตพรีเคส ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสจะรับงานผลิตพรีเคสใหม่ๆ เพิ่มเติม
เร่งอัพกำลังผลิต
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตอีก 25% เป็น 9.9 แสนตารางเมตร หรือเกือบ 1 ล้านตารางเมตร จากปีก่อนเพิ่มแล้ว 10% เป็น 7.9 แสนตารางเมตร คาดกำลังผลิตเพิ่มในไตรมาส 3/2566 ซึ่งกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นจะรองรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ การเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็ว ออกแบบได้แม่นยำ ลดโอกาสการผิดพลาด และมีคุณภาพ เพิ่มโอกาสการรับงานได้มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมี Economy of Scale ต้นทุนการผลิตลดลง และช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) ให้สูงขึ้น
ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ราว 40% นอกจากนี้บริษัทเตรียมเซ็นสัญญารับงานใหม่เร็วๆ นี้อีก 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทจะมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าภาคอสังหา ตามหัวเมืองใหญ่ โรงแรม และนิคมอุตสาหกรรม ทั้งแนวราบ แนวสูง อาทิ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจเติบโตในอนาคต
สัญญาณโตต่อ
บริษัทมองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มี สัญญาณที่ดีขึ้น โดยจำนวนบ้านจัดสรรก่อสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงเติบโต โดยเฉพาะบ้านระดับกลาง - บน สำหรับอาคารชุด คอนโดมิเนียม คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการที่จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน กลับมาเปิดประเทศ จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหา ให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น อีกทั้งพื้นที่แถบ EEC ในช่วงที่ผ่านมาเป็นเขตเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง ประชากรเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีการโอนกรรมสิทธิ์เป็น 15% จาก 12% และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ด้านปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายที่ 431.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.76 ล้านบาท คิดเป็น 38.85% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายแผ่นผนังและแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปเป็นสำคัญ
นอกจากนี้รายได้อื่นของบริษัทประกอบด้วย รายได้จากการขายเศษเหล็กจากกระบวนการผลิต ดอกเบี้ยรับ และอื่นๆ โดยในปี 2565 บริษัทมี รายได้อื่นๆ ที่ 2.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.77 ล้านบาท คิดเป็น 49.04% เมื่อเปรียบเทียบ กับช่วงเดียวกันของปี 2564 และมีกำไรสุทธิในปี 2565 ที่67.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.14 ล้านบาท หรือ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 มีกำไรสุทธิ 31.80 ล้านบาท
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ