แฟรนไชส์นอกบุกไทย ชิงแชร์1.2ล้านล้าน บ้านมือสอง
วันที่ : 29 มกราคม 2563
ตลาดทรัพย์มือสองบูม แฟรนไชส์นายหน้าชื่อดังจากต่างประเทศ กับดีเวลอปเปอร์ชื่อดัง ลงสนามชิงเค้ก 1.2 ล้านล้านบาท บิ๊กอีอาร์เอชี้เทรนด์ธุรกิจขยายตัวสูง ภายใน 5 ปีความต้องการบ้านมือสองสูงกว่าบ้านใหม่
ตลาดทรัพย์มือสองบูม แฟรนไชส์นายหน้าชื่อดังจากต่างประเทศ กับดีเวลอปเปอร์ชื่อดัง ลงสนามชิงเค้ก 1.2 ล้านล้านบาท บิ๊กอีอาร์เอชี้เทรนด์ธุรกิจขยายตัวสูง ภายใน 5 ปีความต้องการบ้านมือสองสูงกว่าบ้านใหม่
นับแต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยเผชิญนโยบายควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วยมาตรการ LTV มูลค่าสินเชื่อต่อหลักประกัน ในต้นปี 2562 ที่ผ่านมา สามารถดับความร้อนแรงได้อย่างเห็นผล บวกกับเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ฉุดกำลังซื้อหดหาย ซึ่งแนวโน้มตลาดทรุดตัวต่อเนื่องถึงปีนี้ พลิกผันจากที่ตลาดเคยเติบโตอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
กลายเป็นปัจจัยให้ทั้งบริษัทตัวแทนขาย และผู้ประกอบการเร่งปรับตัว โดยฟากของผู้ประกอบการหรือดีเวลอปเปอร์นั้นได้ขยายธุรกิจมาเปิดบริษัทตัวแทนขาย เพื่อบริการลูกค้าแบบครบวงจร ช่วยให้เกิดการซื้อง่าย ขายสะดวก อาทิ บริษัท ดิ เอเจ้นท์ฯ ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด โดยบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ร่วมมือกับ DWG ผู้ประกอบธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของสิงคโปร์ , บริษัท บริดจ์ เอสเตทฯ ของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งแต่เดิมจะมีเพียงบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ทำตลาดอย่างจริงจัง
ฟากบริษัทตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ อย่างบริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด ล่าสุดประกาศความร่วมมือกับ บริษัท Keller Williams บริษัทตัวแทนขายและที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่มียอดขายสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาและมีเครือข่ายจำนวนพนักงานสูงที่สุดทั่วโลก จัดตั้งบริษัท เคดับบลิว ประเทศไทยฯ (KW Thailand) เริ่มทำตลาดวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งเป้าหมายปีแรก มีตัวแทนขาย 1,000 ราย และยอดขาย 5 ปีปีละ 5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ขึ้นเป็นโบรกเกอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ซึ่งมีจุดแข็ง
ตัวแทนขายมากกว่า 180,000 คนทั่วโลก และการแบ่งปันผลประโยชน์ Grown Share ที่เป็น Passive Income โดยที่ตัวแทนทุกคนจะได้รับตลอดชีวิตภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งเป็นระบบที่ได้มาตรฐานระดับโลก
นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท KW Thailand จำกัด และบริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวถึงปัจจัยที่หันมารุกตลาดบ้านมือสองว่า ปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างวิกฤติ ลูกค้าต่างชาติซื้อใหม่ในกลุ่มลูกค้าจีนนั้นหายเกลี้ยง คาดว่าจะกลับมาในปี 2564 ส่วนลูกค้าคนไทยกลุ่มซื้อลงทุนก็หายด้วยเช่นกัน จากนโยบายคุมเข้มสินเชื่อด้วยมาตรการ แอลทีวี อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้การดำเนินงานของแคปปิตอล วัน ในปี 2562 สามารถสร้างยอดขายมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับปี 2561 เนื่องจากเราเป็นตัวแทนขายให้กับโครงการรวม 15 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ปี 2563 รับบริหารเพิ่มอีก 7-10 โครงการ มูลค่าเฉลี่ยต่อโครงการ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อรักษาระดับรายได้ภาพรวม
ด้านนายวรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้เน้นนโยบายสนับสนุนให้ตัวแทนขายของบริษัทสามารถขายทรัพย์ได้ง่าย และมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีแอพพลิเคชันใหม่ ERA -TOS และ ERA - Connect และหลักสูตรการเป็นนักขายและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เน้นเรียนรู้ในสิ่งที่ตรงความต้องการ ปัจจุบันมีนายหน้าอสังหาฯประมาณ 2,000 คน
สำหรับตลาดบ้านมือสองคิดเป็น 20-30% ของตลาดบ้านใหม่ ทั้งนี้มูลค่ารวมตลาดบ้านมือสองซึ่งประเมินเมื่อ 3 ปีก่อนประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท แต่ภายใน 5 ปีความต้องการบ้านมือสองจะใหญ่กว่าตลาดของดีเวลอปเปอร์ จากแนวโน้มที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ในปัจจุบันซึ่งมีสต๊อกคงค้างจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มที่ซื้อเก็งกำไรที่ขอกู้ไม่ผ่าน หรือไม่อยากโอน ถูกนำมาขายใหม่อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ทุกบริษัทหันมาสนใจตลาดมือสองกัน
นับแต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยเผชิญนโยบายควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วยมาตรการ LTV มูลค่าสินเชื่อต่อหลักประกัน ในต้นปี 2562 ที่ผ่านมา สามารถดับความร้อนแรงได้อย่างเห็นผล บวกกับเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ฉุดกำลังซื้อหดหาย ซึ่งแนวโน้มตลาดทรุดตัวต่อเนื่องถึงปีนี้ พลิกผันจากที่ตลาดเคยเติบโตอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
กลายเป็นปัจจัยให้ทั้งบริษัทตัวแทนขาย และผู้ประกอบการเร่งปรับตัว โดยฟากของผู้ประกอบการหรือดีเวลอปเปอร์นั้นได้ขยายธุรกิจมาเปิดบริษัทตัวแทนขาย เพื่อบริการลูกค้าแบบครบวงจร ช่วยให้เกิดการซื้อง่าย ขายสะดวก อาทิ บริษัท ดิ เอเจ้นท์ฯ ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด โดยบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ร่วมมือกับ DWG ผู้ประกอบธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของสิงคโปร์ , บริษัท บริดจ์ เอสเตทฯ ของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งแต่เดิมจะมีเพียงบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ทำตลาดอย่างจริงจัง
ฟากบริษัทตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ อย่างบริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด ล่าสุดประกาศความร่วมมือกับ บริษัท Keller Williams บริษัทตัวแทนขายและที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่มียอดขายสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาและมีเครือข่ายจำนวนพนักงานสูงที่สุดทั่วโลก จัดตั้งบริษัท เคดับบลิว ประเทศไทยฯ (KW Thailand) เริ่มทำตลาดวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งเป้าหมายปีแรก มีตัวแทนขาย 1,000 ราย และยอดขาย 5 ปีปีละ 5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ขึ้นเป็นโบรกเกอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ซึ่งมีจุดแข็ง
ตัวแทนขายมากกว่า 180,000 คนทั่วโลก และการแบ่งปันผลประโยชน์ Grown Share ที่เป็น Passive Income โดยที่ตัวแทนทุกคนจะได้รับตลอดชีวิตภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งเป็นระบบที่ได้มาตรฐานระดับโลก
นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท KW Thailand จำกัด และบริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวถึงปัจจัยที่หันมารุกตลาดบ้านมือสองว่า ปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างวิกฤติ ลูกค้าต่างชาติซื้อใหม่ในกลุ่มลูกค้าจีนนั้นหายเกลี้ยง คาดว่าจะกลับมาในปี 2564 ส่วนลูกค้าคนไทยกลุ่มซื้อลงทุนก็หายด้วยเช่นกัน จากนโยบายคุมเข้มสินเชื่อด้วยมาตรการ แอลทีวี อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้การดำเนินงานของแคปปิตอล วัน ในปี 2562 สามารถสร้างยอดขายมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับปี 2561 เนื่องจากเราเป็นตัวแทนขายให้กับโครงการรวม 15 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ปี 2563 รับบริหารเพิ่มอีก 7-10 โครงการ มูลค่าเฉลี่ยต่อโครงการ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อรักษาระดับรายได้ภาพรวม
ด้านนายวรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้เน้นนโยบายสนับสนุนให้ตัวแทนขายของบริษัทสามารถขายทรัพย์ได้ง่าย และมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีแอพพลิเคชันใหม่ ERA -TOS และ ERA - Connect และหลักสูตรการเป็นนักขายและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เน้นเรียนรู้ในสิ่งที่ตรงความต้องการ ปัจจุบันมีนายหน้าอสังหาฯประมาณ 2,000 คน
สำหรับตลาดบ้านมือสองคิดเป็น 20-30% ของตลาดบ้านใหม่ ทั้งนี้มูลค่ารวมตลาดบ้านมือสองซึ่งประเมินเมื่อ 3 ปีก่อนประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท แต่ภายใน 5 ปีความต้องการบ้านมือสองจะใหญ่กว่าตลาดของดีเวลอปเปอร์ จากแนวโน้มที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ในปัจจุบันซึ่งมีสต๊อกคงค้างจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มที่ซื้อเก็งกำไรที่ขอกู้ไม่ผ่าน หรือไม่อยากโอน ถูกนำมาขายใหม่อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ทุกบริษัทหันมาสนใจตลาดมือสองกัน
ข่าวบ้านมือสอง อื่นๆ