บ.อสังหาฯรุก เวียดนาม แห่พัฒนาโครงการหรู
วันที่ : 20 กุมภาพันธ์ 2562
เวียดนามกำลัง จะกลายเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูที่ ร้อนแรงแห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากเสน่ห์ดึงดูดของโครงการพัฒนาล่าสุด ที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจสำคัญของ ประเทศ
เวียดนามกำลัง จะกลายเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูที่ ร้อนแรงแห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากเสน่ห์ดึงดูดของโครงการพัฒนาล่าสุด ที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจสำคัญของ ประเทศ
"เดอะ แกรนด์ แมนฮัตตัน" โครงการหรูของบริษัทโนวาแลนด์ กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม จะเป็นที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์ โรงแรม ห้องอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศ รวมอยู่ในอาคารสูง 39 ชั้น ในเขต 1 ของนครโฮจิมินห์ หรือที่ รู้จักในชื่อ "วอลล์สตรีทแห่งไซ่ง่อน"
โครงการดังกล่าวเกิดจากแนวคิดล่าสุดของ "บุ่ย ถั่น เญิน" ผู้ก่อตั้งและประธานของโนวาแลนด์ กรุ๊ป ดัชนีมหาเศรษฐีของ บลูมเบิร์ก ระบุว่าเขามีมูลค่าความมั่งคั่งอยู่ที่ ราว 800 ล้านดอลลาร์ จากการถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
ความมั่งคั่งระดับนี้คงจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ หากย้อนไปเมื่อปี 2538 สมัยที่เญินพลิกโฉม โนวาแลนด์สู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มตัว นับตั้งแต่นั้นมา เวียดนามซึ่งปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ได้กลายเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และมีการขยายตัวด้วยอัตราเฉลี่ยกว่า 6% ต่อปีในช่วง 20 ปีหลังสุด หลังจากประเทศเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติและเริ่มให้อิสระกับบรรดาบริษัทเอกชน
เมื่อเร็วๆ นี้ โรงงานหลายแห่งย้ายฐาน การผลิตจากภาคใต้ของจีนมาอยู่ในเวียดนาม ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศ (จีดีพี) ของเวียดนามเติบโตทะลุ 7% เมื่อปีที่แล้ว
ปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับการขยายตัวของกลุ่มผู้ซื้อภายในประเทศที่มี รายได้มากขึ้น กระตุ้นให้บรรดานักลงทุนต่างชาติพุ่งเป้าทุ่มเงินทุนมหาศาลในภาคอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม
ขณะเดียวกัน การที่หลายเมืองทั่วโลกมีราคาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างไม่แน่นอน ตั้งแต่กรุงลอนดอนของอังกฤษไปจนถึงฮ่องกง นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย และนครนิวยอร์กของสหรัฐ ทำให้เวียดนามเป็นทำเลที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน
"เวียดนามตอนนี้เป็นเหมือนกับภาคใต้ ของจีนเมื่อ 10-15 ปีที่แล้ว" กู๊ดวิน กาว ประธานบริษัทหุ้นนอกตลาด "กาว แคปิตัล พาร์ทเนอร์ส" ซึ่งบริหารจัดการสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์มูลค่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ทั่วโลก กล่าว
กาวเสริมว่า ขณะนี้ไม่มีอะไรแน่นอนอีกต่อไปแล้ว เมื่อดูจากราคาบ้านที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา แต่ในระยะยาว เวียดนามยังคงมีแนวโน้มดีมาก หากนักลงทุนสามารถตั้งหลักได้
ข้อมูลจากบริษัทซีบีอาร์อี กรุ๊ป อิงค์ ระบุว่า ราคาคอนโดมิเนียมหรูในนครโฮจิมินห์ ทะยาน 17% ในปี 2561 มาอยู่ที่เฉลี่ย 5,518 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 10% ภายในปี 2563 มาอยู่ที่ 6,000 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร ขณะที่ราคาของคอนโดมิเนียมที่มีราคาถูกกว่า เพิ่มขึ้นเพียง 1% ในปีที่แล้ว
โครงการของเญินประกอบด้วยยูนิตสำหรับอยู่อาศัยขนาด 2-3 ห้องนอน ที่มีราคาเริ่มตั้งแต่ 6,000 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร แม้จะคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของราคาอพาร์ตเมนต์ระดับไฮเอนด์ในนครโฮจิมินห์ แต่ถือเป็นเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับราคาในสิงคโปร์ กรุงโตเกียว หรือฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงที่สุดในโลก
"มีกระแสความสนใจที่จะลงทุนในเวียดนามอย่างมาก" อิลซาง โช โฆษกของฮานา ทัวร์ บริษัทนำเที่ยวของเกาหลีใต้ ซึ่งบริการจัดแพ็คเกจเยี่ยมชมอพาร์ตเมนต์ต่างๆ ในเวียดนาม เผย
แม้ความต้องการจากนักลงทุน ต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง แต่ผู้ซื้อกลุ่มใหม่ล่าสุดถือเป็นความหวังของเวียดนาม รายงานเมื่อปี 2560 ของบริษัทไนท์ แฟรงค์ ระบุว่า จำนวนชาวเวียดนามที่มีสินทรัพย์สุทธิ 30 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป เพิ่มขึ้น 320% ตั้งแต่ปี 2549-2559 ถือว่าเพิ่มขึ้น รวดเร็วที่สุดในโลกและแซงหน้าทั้งอินเดียและจีน
คริส ฟรอยด์ ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ้นนอกตลาด "แม่โขง แคปิตัล" ระบุว่า ชาวเวียดนามจำนวนมากสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อัตราการเป็นเจ้าของบ้าน ในเวียดนามทะลุ 90% นับว่ามากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
นีล แมคเกรเกอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทซาวิลิส เวียดนาม ตัวแทนฝ่ายขายโครงการเดอะ แกรนด์ แมนฮัตตัน กล่าวว่า บรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เคยให้ความสำคัญกับชนชั้นกลาง แต่ขณะนี้หันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ร่ำรวยมากขึ้น
"เรามีชาวเวียดนามที่ร่ำรวยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการที่กำลังมองหาแหล่งลงทุน"
ปัจจุบัน โนวาแลนด์ยังเผชิญกับการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนาม โดย "แคปิตัลแลนด์" บริษัทพัฒนารายใหญ่ ที่สุดของสิงคโปร์มีโครงการสุดหรูในนครโฮจิมินห์และกรุงฮานอยด้วย
อย่างไรก็ตาม แมคเกรเกอร์ กล่าวว่า จำนวนที่ดินในย่านใจกลางเมืองเหลือน้อยมาก ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่กลุ่มคนรวยต่างเร่งกว้านซื้อที่ดินในขณะนี้ ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้น ความต้องการอพาร์ตเมนต์ในเมืองคือค่านิยมที่เปลี่ยนไปของชาวเอเชียจากเคยนิยมอยู่แบบครอบครัวใหญ่ในบ้านหลังเดียวกัน
"เราเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก คู่แต่งงานรุ่นใหม่นิยมย้ายหนีพ่อแม่มาอยู่เป็นครอบครัวเล็กหลังจากแต่งงาน" เซือง ตุย ซุง ผู้อำนวยการอาวุโสของซีบีอาร์อี กล่าว และว่า "พวกเขาชอบซื้อคอนโด ในชุมชนที่มีความเป็นส่วนตัว"
ราคาคอนโดมิเนียมหรูในโฮจิมินห์พุ่ง 17% ปีก่อน มาอยู่ที่เฉลี่ย 5,518 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร และคาดว่าจะเพิ่มอีกเกือบ 10% ในปี 2563
"เดอะ แกรนด์ แมนฮัตตัน" โครงการหรูของบริษัทโนวาแลนด์ กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม จะเป็นที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์ โรงแรม ห้องอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศ รวมอยู่ในอาคารสูง 39 ชั้น ในเขต 1 ของนครโฮจิมินห์ หรือที่ รู้จักในชื่อ "วอลล์สตรีทแห่งไซ่ง่อน"
โครงการดังกล่าวเกิดจากแนวคิดล่าสุดของ "บุ่ย ถั่น เญิน" ผู้ก่อตั้งและประธานของโนวาแลนด์ กรุ๊ป ดัชนีมหาเศรษฐีของ บลูมเบิร์ก ระบุว่าเขามีมูลค่าความมั่งคั่งอยู่ที่ ราว 800 ล้านดอลลาร์ จากการถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
ความมั่งคั่งระดับนี้คงจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ หากย้อนไปเมื่อปี 2538 สมัยที่เญินพลิกโฉม โนวาแลนด์สู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มตัว นับตั้งแต่นั้นมา เวียดนามซึ่งปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ได้กลายเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และมีการขยายตัวด้วยอัตราเฉลี่ยกว่า 6% ต่อปีในช่วง 20 ปีหลังสุด หลังจากประเทศเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติและเริ่มให้อิสระกับบรรดาบริษัทเอกชน
เมื่อเร็วๆ นี้ โรงงานหลายแห่งย้ายฐาน การผลิตจากภาคใต้ของจีนมาอยู่ในเวียดนาม ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศ (จีดีพี) ของเวียดนามเติบโตทะลุ 7% เมื่อปีที่แล้ว
ปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับการขยายตัวของกลุ่มผู้ซื้อภายในประเทศที่มี รายได้มากขึ้น กระตุ้นให้บรรดานักลงทุนต่างชาติพุ่งเป้าทุ่มเงินทุนมหาศาลในภาคอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม
ขณะเดียวกัน การที่หลายเมืองทั่วโลกมีราคาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างไม่แน่นอน ตั้งแต่กรุงลอนดอนของอังกฤษไปจนถึงฮ่องกง นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย และนครนิวยอร์กของสหรัฐ ทำให้เวียดนามเป็นทำเลที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน
"เวียดนามตอนนี้เป็นเหมือนกับภาคใต้ ของจีนเมื่อ 10-15 ปีที่แล้ว" กู๊ดวิน กาว ประธานบริษัทหุ้นนอกตลาด "กาว แคปิตัล พาร์ทเนอร์ส" ซึ่งบริหารจัดการสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์มูลค่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ทั่วโลก กล่าว
กาวเสริมว่า ขณะนี้ไม่มีอะไรแน่นอนอีกต่อไปแล้ว เมื่อดูจากราคาบ้านที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา แต่ในระยะยาว เวียดนามยังคงมีแนวโน้มดีมาก หากนักลงทุนสามารถตั้งหลักได้
ข้อมูลจากบริษัทซีบีอาร์อี กรุ๊ป อิงค์ ระบุว่า ราคาคอนโดมิเนียมหรูในนครโฮจิมินห์ ทะยาน 17% ในปี 2561 มาอยู่ที่เฉลี่ย 5,518 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 10% ภายในปี 2563 มาอยู่ที่ 6,000 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร ขณะที่ราคาของคอนโดมิเนียมที่มีราคาถูกกว่า เพิ่มขึ้นเพียง 1% ในปีที่แล้ว
โครงการของเญินประกอบด้วยยูนิตสำหรับอยู่อาศัยขนาด 2-3 ห้องนอน ที่มีราคาเริ่มตั้งแต่ 6,000 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร แม้จะคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของราคาอพาร์ตเมนต์ระดับไฮเอนด์ในนครโฮจิมินห์ แต่ถือเป็นเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับราคาในสิงคโปร์ กรุงโตเกียว หรือฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงที่สุดในโลก
"มีกระแสความสนใจที่จะลงทุนในเวียดนามอย่างมาก" อิลซาง โช โฆษกของฮานา ทัวร์ บริษัทนำเที่ยวของเกาหลีใต้ ซึ่งบริการจัดแพ็คเกจเยี่ยมชมอพาร์ตเมนต์ต่างๆ ในเวียดนาม เผย
แม้ความต้องการจากนักลงทุน ต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง แต่ผู้ซื้อกลุ่มใหม่ล่าสุดถือเป็นความหวังของเวียดนาม รายงานเมื่อปี 2560 ของบริษัทไนท์ แฟรงค์ ระบุว่า จำนวนชาวเวียดนามที่มีสินทรัพย์สุทธิ 30 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป เพิ่มขึ้น 320% ตั้งแต่ปี 2549-2559 ถือว่าเพิ่มขึ้น รวดเร็วที่สุดในโลกและแซงหน้าทั้งอินเดียและจีน
คริส ฟรอยด์ ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ้นนอกตลาด "แม่โขง แคปิตัล" ระบุว่า ชาวเวียดนามจำนวนมากสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อัตราการเป็นเจ้าของบ้าน ในเวียดนามทะลุ 90% นับว่ามากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
นีล แมคเกรเกอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทซาวิลิส เวียดนาม ตัวแทนฝ่ายขายโครงการเดอะ แกรนด์ แมนฮัตตัน กล่าวว่า บรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เคยให้ความสำคัญกับชนชั้นกลาง แต่ขณะนี้หันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ร่ำรวยมากขึ้น
"เรามีชาวเวียดนามที่ร่ำรวยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการที่กำลังมองหาแหล่งลงทุน"
ปัจจุบัน โนวาแลนด์ยังเผชิญกับการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนาม โดย "แคปิตัลแลนด์" บริษัทพัฒนารายใหญ่ ที่สุดของสิงคโปร์มีโครงการสุดหรูในนครโฮจิมินห์และกรุงฮานอยด้วย
อย่างไรก็ตาม แมคเกรเกอร์ กล่าวว่า จำนวนที่ดินในย่านใจกลางเมืองเหลือน้อยมาก ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่กลุ่มคนรวยต่างเร่งกว้านซื้อที่ดินในขณะนี้ ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้น ความต้องการอพาร์ตเมนต์ในเมืองคือค่านิยมที่เปลี่ยนไปของชาวเอเชียจากเคยนิยมอยู่แบบครอบครัวใหญ่ในบ้านหลังเดียวกัน
"เราเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก คู่แต่งงานรุ่นใหม่นิยมย้ายหนีพ่อแม่มาอยู่เป็นครอบครัวเล็กหลังจากแต่งงาน" เซือง ตุย ซุง ผู้อำนวยการอาวุโสของซีบีอาร์อี กล่าว และว่า "พวกเขาชอบซื้อคอนโด ในชุมชนที่มีความเป็นส่วนตัว"
ราคาคอนโดมิเนียมหรูในโฮจิมินห์พุ่ง 17% ปีก่อน มาอยู่ที่เฉลี่ย 5,518 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร และคาดว่าจะเพิ่มอีกเกือบ 10% ในปี 2563
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ