นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการประเมินการก่อสร้างของภาคเอกชนในปี 2560 คาดว่าจะยังอยู่ในภาวะซึมยาวและไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปี 2559 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่ 3/2560 แต่จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในไตรมาส 4/2560 ตามการลงทุนของภาครัฐและความต้องการลงทุนที่ชะลอดูสถานการณ์มาตั้งแต่ปลายปี 2559 ดังนั้น บริษัทจึงหันกลับไปจับงานลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐให้มากขึ้นเป็น 80% จากเดิมอยู่ที่ 66-67% ของงานทั้งหมด เพื่อรักษาฐานรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,550 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน

นายอาทิตย์ กล่าวว่า ยอมรับว่าอัตรากำไรขั้นต้นที่ได้จากงานภาครัฐอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจาก ผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างทุกรายต่างมุ่งเข้าไปแย่งงานภาครัฐที่ออกมาจำนวนมาก ทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่สามารถคัดเลือกและกดราคาได้ โดยอัตรากำไรขั้นต้นของงานภาครัฐลดลงเหลือประมาณ 10% จากภาวะปกติที่อยู่ในระดับ 20% ส่วนภาวะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศนั้น เริ่มเห็นความต้องการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ และมีคำสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างเพื่อใช้ในงานฐานรากเข้ามาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ 2,500 ล้านบาท รับรู้รายได้ในปีนี้ 60-65% และจะรักษางานในมือเพื่อรอรับรู้รายได้ ไม่ต่ำกว่าระดับ 2,000 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรสุทธินั้นคาดว่าในปี 2560 จะทำได้มากกว่า 1%

ด้านนายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบา และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวมาก ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยกู้ อีกทั้งมีวัสดุก่อสร้างเพื่อใช้เป็นผนังอาคารประเภทอื่นเข้ามาแข่งขันราคา ขณะที่บริษัท มีรายได้ถึง 80% จากภาคเอกชน ซึ่งทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น บริษัทเตรียมเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อหนุนรายได้ เช่น วัสดุก่อสร้างเพื่องานตกแต่ง โดยตั้งเป้ารายได้ 330 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5%

ที่มา : หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์