นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ๆ ของไทย มีแผนที่จะก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมจำนวนมาก โดยเฉพาะตามหัวเมืองในต่างจังหวัดและแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างมาก รวมถึงโครงการรถยนต์คันแรกที่เริ่มสิ้นสุดโครงการ ทำให้ผู้ซื้อรถยนต์พอมีเงินเหลือเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยต่อไป ดังนั้นคาดว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ จะมีการจัดโปโมรชั่นเพื่อแข่งขันกันดุเดือด เพราะส่วนหนึ่งยังมีโครงการจำนวนมากที่ชะลอการเปิดโครงการใหม่ไว้ในปีที่แล้วและหันมาเปิดในปีนี้ แม้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยจะเพิ่มมากขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงคือ เรื่องหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงถึง 80% ของจีดีพี ส่งผลให้การขอสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดมากขึ้น

รายงานข่าวจาก บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่าในปี 60 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดในส่วนของหัวเมืองหลัก

และหัวเมืองชั้นรอง แบ่งสัดส่วนทำเลออกเป็นโซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และในทำเลต่างจังหวัด 30% เพราะได้รับแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนของภาครัฐบาลในโครงการสาธารณูปโภคต่าง ๆ เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่รวม 19 โครงการ มูลค่ารวม 41,200 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 8 โครงการ บ้านเดี่ยว 9 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ ส่วนใหญ่เปิดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี เน้นในกลุ่มระดับกลางและระดับบนเป็นหลัก มีโครงการไฮไลต์คือโครงการบ้านแสนสิริ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 80 ล้านบาท

"โครงการที่เปิดในปีนี้แบ่งโครงการร่วมทุน กับบีทีเอสทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ เดอะโมนูเมนต์ และ เดอะ เบส ส่วนงบซื้อที่ดินปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 7,500 ล้านบาท ยอมรับว่าปีนี้เน้นโครงการแนวราบทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลักในสัดส่วน 70% เพราะมีการเติบโตที่สูงและมีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้ว และจะค่อยทยอยหาซื้อที่ดินเพิ่ม"

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ศุภาลัย กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดตัว 29 โครงการในปี 60 แบ่งเป็นแนวราบในต่างจังหวัด 13 โครงการ แนวราบในกรุงเทพฯ 11 โครงการ และแนวสูงในกรุงเทพฯ 5 โครงการ มูลค่าทั้งหมด 37,000 ล้านบาท โดยโครงการในปีนี้มีโครงการที่เลื่อนมาจาก

ปี 59 รวม 3 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท พร้อมตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ 8,000 ล้านบาท เพื่อรองรับราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปี 61 แล้ว

บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 60กำลังซื้อที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการลงทุนภาครัฐที่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

ขณะที่ก็คาดหวังว่าการส่งออกสินค้าเกษตร และการท่องเที่ยว หรือทัวร์จีน น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นซึ่งน่าจะหนุนให้อสังหาริมทรัพย์เติบโตไปได้

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์