แอลพีเอ็น เร่งปรับทัพสู้วิกฤติรีเจค-สต็อกบวม
Loading

แอลพีเอ็น เร่งปรับทัพสู้วิกฤติรีเจค-สต็อกบวม

วันที่ : 31 มกราคม 2560
แอลพีเอ็น เร่งปรับทัพสู้วิกฤติรีเจค-สต็อกบวม

แอล.พี.เอ็น.ปรับใหญ่ ชูปี60 "ปีแห่งการ ปรับเปลี่ยน" หลังเผชิญวิกฤติหนี้ครัวเรือน  ตลาดกลาง-ล่างยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง สต็อกเหลือขายเพียบ ฉุดยอดขายหด 3 ปีซ้อน หันเพิ่มน้ำหนักตลาดกลาง-บน รุกโครงการแนวราบ พร้อมไฟเขียว 3 บริษัทบริการ รับงาน นอกเครือ ครั้งแรก

ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลหนี้ครัวเรือน สูงขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางล่าง ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน กลายเป็นปัญหาใหญ่ของธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะบริษัทที่จับกลุ่มตลาดกลางล่างเป็นหลัก เช่น แอล.พี.เอ็น. ทำให้รายได้และยอดขายถดถอยต่อเนื่อง

นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักตลาดกลาง-ล่าง ประสบปัญหาหนี้ครัวเรือน ส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากสถานบันการเงิน(Rejection Rate) พุ่งสูงมาก จาก 10% ในปี 2558 เพิ่มเป็น 30% ในปี 2559 แม้จะ ขายห้องชุดได้ก็ตาม

ส่งผลให้ปีนี้ บริษัทประกาศ "ปรับโครงสร้างธุรกิจ"ครั้งใหญ่ในรอบ 28 ปีของการก่อตั้งองค์กร เป็นปีแห่งการปรับ "Year of Shift" ทั้งรูปแบบธุรกิจ และโครงสร้างบริหารจัดการ เพื่อเป้าหมายในการผลักดันรายได้ให้ดีขึ้นในอนาคต หลังจากรายได้ลดลงต่อเนื่อง 2-3 ปีที่ผ่านมา

นับตั้งแต่ปี 2558 ที่มีรายได้ 1.551 หมื่นล้านบาท ปี2559 ลดลงมาเหลือที่ 1.3 หมื่นล้านบาท และ ปีนี้คาดว่าจะอยู่ 1 หมื่นล้านบาท ลดลง 20% ขณะที่ยอดขายปี 2558 อยู่ที่ 1.451 หมื่นล้านบาท ปี 2559 ลดลงมาอยู่ที่ 8,500 ล้านบาท

"ตอนนี้เรามีปัญหาสินค้าค้างขายคอนโด(Inventory) ที่เพิ่มขึ้นจากการถูกปฎิเสธสินเชื่อ หนี้ ภาคครัวเรือนที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ยอดขายปีที่แล้ว ต่ำเตี้ยมากอยู่ที่ 8,500 ล้านบาท ที่นับเป็นปัญหาใหญ่ที่เราต้องเร่งแก้ไขเป็นอันดับแรก หากเรายังเดินหน้าแผนลงทุนแบบเดิมๆ ปัญหานี้ก็จะซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก เป็นความเสี่ยงการเงิน เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับความจริง เพื่อก้าวข้ามไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน"

รุกขยายตลาดทุกเซ็กเมนท์

นายทิฆัมพร กล่าวถึง รายละเอียดในการปรับโครงสร้างว่า จะขยายการลงทุนไม่จำกัดอยู่เฉพาะตลาดกลางล่าง แต่จะขยายการลงทุนไปในทุกเซ็กเมนท์ ตั้งแต่ตลาดล่างถึงระดับบน ขยายทำเลการลงทุนไปในกรุงเทพฯชั้นใน การปรับขนาดโครงการให้เหมาะสม สร้างเสร็จภายใน 1 ปี เพื่อให้ สามารถรับรู้ได้เร็ว พร้อมทั้ง เพิ่มกลยุทธ์สร้างความแตกต่าง รวมทั้งปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายใหม่วัยทำงาน

นอกจากนี้ นับเป็นครั้งแรกที่จะให้บริษัทในเครือ 3 บริษัท ธุรกิจให้บริการ ได้แก่ บริษัท ลุมพินี พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส แอนด์ แคร์ จำกัด (LPC) บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้  มาเนจเนท์ จำกัด (LPP) และบริษัท ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด (LPS) รับงานโครงการ อื่นนอกเหนือจากโครงการของ แอล.พี.เอ็น.เท่านั้น เพื่อสร้าง รายได้เพิ่ม

เป้าเปิดตัว12โครงการ1.6หมื่นล.

นายโอภาส  ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า แผนการพัฒนาอสังหาฯ ในปีนี้ จะเปิดตัว 12 โครงการ มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท จะเน้นกลุ่มสินค้าระดับกลาง-บนมากถึง 7 โครงการ เน้นทำเลใจกลางเมืองที่ยังมีความต้องการซื้อ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท

"จากการปรับแผนลงทุน หันมา มุ่งกลุ่มลูกค้าระดับกลาง บน และทำเลใจกลางเมือง นับว่าประสบผลสำเร็จ จากการเปิดขายคอนโดมิเนียม 2 โครงการ 2 ทำเล คือลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน และลุมพินี เพลส บางนา กม.3 สามารถสร้างยอดขายสูงกว่า 1,700 ล้านบาท และในปีนี้ยังตั้งเป้าหมายระบายสินค้า พร้อมอยู่ให้ได้มากที่สุด โดยตั้ง เป้าหมายไว้ที่ 7,000 ล้านบาท"

เพิ่มรายได้โครงการ"แนวราบ"

ส่วนของบริษัท พรสันติ จำกัด เป็นบริษัทเน้นพัฒนาโครงการแนวราบ มีนโยบายจะเพิ่มรายได้ของโครงการแนวราบให้สูงขึ้น เพื่อทดแทนรายได้ของคอนโด ซึ่งในปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัว 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท พร้อมกับการพัฒนากระบวนการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนและเวลาการส่งมอบสั้นลง

สำหรับการพัฒนาศูนย์การค้าชุมชน ปัจจุบันบริษัทมีรวมทั้งสิ้น 5 แห่ง และร้านค้าในชุมชนอีกกว่า 300 ร้านค้า

ด้านกลุ่มธุรกิจให้บริการ ได้แก่ บริษัท ลุมพินี พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส แอนด์ แคร์ จำกัด ในปีนี้ตั้งเป้าเปิดรับงานบริการภายนอกโครงการของแอล.พี.เอ็น. จำนวน 20 โครงการ โดยจะขยายกลุ่มพนักงานจากสตรีด้อยโอกาสไปสู่คนพิการและผู้สูงอายุ และปรับแผน ธุรกิจไปสู่วิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างเป็นอย่างทางการ

ในส่วนของบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด มีแผนขยายงานบริหารชุมชนสู่ภายนอก โดยในเบื้องต้นตั้งเป้าหมายไว้ที่ 15 โครงการ รวมเป้าหมาย รายได้ประมาณ 520 ล้านบาท และ บริษัท ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด ได้ขยายฐานจากเดิมที่เป็นผู้บริหารการก่อสร้างไปเป็นบริหารการครบวงจร หากเจ้าของที่ดินต้องการพัฒนาแต่ไม่มีประสบการณ์รับบริหารให้

ตั้งเป้ายอดขายปีนี้2.2หมื่นล้าน

อย่างไรก็ตามในปี 2560 ตั้งเป้าหมายยอดขายจากกลุ่มธุรกิจ พัฒนาอสังหาฯ รวม 2.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นจากบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ 2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 8,500 ล้านบาท บริษัท พรสันติ จำกัด จำนวน 2,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา ที่มียอดขาย 1,400 ล้านบาท

และตั้งเป้ามีรายได้รวมจากกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ 11,500 ล้านบาท แบ่งเป็น บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำนวน 1 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท และบริษัท พรสันติ จำกัด 1,500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา ที่มียอดขาย 850 ล้านบาท

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

 

 

ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ