MKทุ่มลงทุน4พันล้านในปีนี้ จ่อเปิด5โครงการ5,475ล้าน
จ่อเปิด5โครงการ5,475ล้าน
“มั่นคงเคหะการ” กางแผนปี 60 ทุ่มงบลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อขายและเช่าต่อเนื่อง โดยปี 60 เตรียมเปิดใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 5,475 ล้านบาท
นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ในปี 2560 ถึงปี 2561 บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดทุกกลุ่ม โดยในปี 2560 เตรียมงบลงทุนรวมไว้ที่ 4,000 ล้านบาท และวางแผนพัฒนาโครงการใหม่รวม จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 5,475 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้าน 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,475 ล้านบาท ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร
โดยสะท้อนแนวคิดใหม่ของการพัฒนาโครงการ ด้วยการนำที่ดินดั้งเดิมของบริษัทที่อยู่บริเวณรอบสนามกอล์ฟย่านปทุมธานี มาพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวที่จับกลุ่มตลาดระดับกลางและไฮเอนด์ พร้อมปรับโฉมคลับเฮาส์เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันของกลุ่มลูกค้าในทำเลดังกล่าว ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าภาพรวมของโครงการให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้น และจะกลายเป็นไลฟ์สไตล์ฮับใหม่ของย่านปทุมธานี
นอกจากนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายครั้งใหม่กับการพัฒนาที่ดินย่านสุขุมวิทให้กลายเป็นโครงการอพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม จำนวน 5 อาคาร มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ของปี 2560นี้
นายสุเทพ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือว่า สำหรับบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน คลังสินค้า และโรงงานเพื่อเช่า ประกอบด้วยพื้นที่ประกอบการอุตสาหกรรมและเขตปลอดอากรย่านบางนา บางพลี สมุทรปราการ ถือว่ามีการเติบโตอย่างมากในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่ปล่อยเช่ารวม 115,000 ตารางเมตร และจะพัฒนาต่อเนื่องในปี 2560 เพิ่มเติมอีก 40,000 ตารางเมตร และในส่วนของบริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่ให้บริการด้านการบริหารจัดการอาคารและที่พักอาศัยนั้น ในปี 2560 วางแผนขยายบริการเพิ่มอีก 10 โครงการ
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทยในปี 2560 โดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับจีดีพีที่ 3-4% เพราะในปีที่ผ่านมามีอุปทานเกิดใหม่ค่อนข้างน้อย ขณะที่โครงการเครือข่ายคมนาคมได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐและเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงานไปยังชานเมืองโดยรอบมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม คือ ภาระหนี้ครัวเรือนและการกลั่นกรองปล่อยกู้ที่เข้มงวดของธนาคารพาณิชย์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยเติบโตช้า แต่หากพิจารณาเชิงลึกจะพบว่ากลไกดังกล่าวมีส่วนดีในการสร้างเสถียรภาพให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเช่นกัน สำหรับผู้ประกอบการนั้นในปี 2560 ต้องรู้จักที่จะพัฒนาโครงการใบแบบผสมผสาน เพื่อสร้างรายได้ ลดความเสี่ยง และสานต่อการเติบโต
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น