เคหะฯโละสต๊อกบ้าน เร่งขายทั่วประเทศ1.9หมื่นยูนิตพร้อมลุยโครงการเช่า-เช่าซื้อ
การเคหะฯ เร่งระบายบ้าน-คอนโดพร้อมอยู่กว่า 1.9 หมื่นยูนิต พร้อมออกโครงการเช่าเจาะผู้มีรายได้น้อย
นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งระบายสต๊อกบ้านและคอนโดมิเนียมทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 1.9 หมื่นยูนิต ราคาเฉลี่ย 6-7 แสนบาท/ยูนิต เป็นบ้าน-คอนโดพร้อมอยู่ประมาณ 1.6 หมื่นยูนิต บางส่วนหรือประมาณ 2,000 ยูนิต เป็นการยึดคืนนำมาปรับปรุงใหม่ และบางส่วนเป็นสต๊อกที่ก่อสร้างไว้นาน
โดยในปีนี้ตั้งเป้าในการขายไว้จำนวน 10,470 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท ขณะนี้สามารถขายได้แล้ว 4,353 ยูนิต หรือ 40% ของเป้า คิดเป็นมูลค่า 2,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ กคช.จะจัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการขายตลอดทั้งปี ล่าสุดเตรียมงานมหกรรมบ้านเคหะประชารัฐ ระหว่างวันที่ 17-28 ก.พ. 2560 ณ สยามพลาซ่า (ข้างตลาดปฐมมงคล) จ.นครปฐม ศูนย์ขายนครปฐม 1 (ท่าตำหนัก) และศูนย์ขายนครปฐม 2 (ศาลายา) จำนวน 16 โครงการ 2,698 ยูนิต ในจำนวนนี้เป็นบ้านพร้อมอยู่ 15 โครงการ รวม 2,593 ยูนิต ระดับราคาขาย 2.6-4.7 แสนบาท/ยูนิต และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 โครงการ จำนวน 105 ยูนิต ราคาขาย 6.7 แสนบาท/ยูนิต
"กคช.เตรียมจะจัดงานมหกรรมบ้านเคหะประชารัฐต่อเนื่องตลอดทั้งปีในหลายจังหวัด โดยจะจัดเป็นงานรวมโครงการที่เปิดขาย เจาะกลุ่มคนในพื้นที่เป็นหลัก เช่นในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี เป็นต้น ส่วนการพัฒนาโครงการนับจากนี้ไปจะสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของคนในแต่ละทำเลก่อน" นายธัชพล กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เริ่มโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งประเภทเช่าและเช่าซื้อ ได้แก่ โครงการอาคารเช่าเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ จำนวน 18 โครงการ 5,128 ยูนิต มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท กระจายในหลายทำเลทั้งส่วนกลางและภูมิภาคระดับราคาค่าเช่าต่อเดือนประมาณ 3,000 บาท
สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่เข้าโครงการเช่าซื้อ ซึ่งเป็นการเช่าอยู่อาศัยก่อนแล้วค่อยทำการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินในภายหลังนั้น ในปัจจุบันคิดเป็นมูลค่าของลูกค้ากลุ่มนี้กว่า 8,000 ล้านบาท ปัจจุบันผู้มีรายได้น้อยถูกสถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อนั้นประมาณ 40% ซึ่งคาดว่าปีนี้ตัวเลขดังกล่าวจะลดลงเล็กน้อย จากการที่รัฐบาลพยายามเร่งแก้ปัญหาและกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเมกะโปรเจกต์ จะส่งผลให้ตัวเลขจีดีพีทางเศรษฐกิจปรับสูงขึ้น
ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (TOD) โดยจะดำเนินการระยะแรกบนที่ดินของ กคช. 2 พื้นที่ 1,376 ยูนิต ประกอบด้วย โครงการประชานิเวศน์ 3 จำนวน 556 ยูนิต และโครงการลำลูกกา คลองสอง จำนวน 820 ยูนิต และจะร่วมมือกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ดินของ รฟม. แต่ปัจจุบันโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ดิน รฟม.นั้น ติดปัญหากฎหมายเวนคืนที่ดินจึงยังไม่สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ดินของ รฟม.ได้ ซึ่งจะต้องเสนอให้รัฐบาลมีการใช้มาตรา 44 เพื่อเร่งโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริงใน 3 พื้นที่ ได้แก่ สถานีรถไฟฟ้าคลองบางไผ่ จ.นนทบุรี สถานีไฟฟ้าบางปิ้ง จ.สมุทรปราการ และสถานีรถไฟฟ้ามีนบุรี
นายธัชพล กล่าวอีกว่า ยังมีแผนพัฒนาและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการเคหะแห่งชาติทั่งประเทศ 680 ชุมชน ตั้งเป้าว่าภายในปีนี้จะปรับปรุงได้ 100 ชุมชน โดยจะเริ่มต้นที่เคหะชุมชนบ่อนไก่เป็นโครงการนำร่อง หลังจากนั้นจะมาพัฒนาบริเวณชุมชนคลองเตย ขณะเดียวกันมีแผนจะพัฒนาชุมชนใน รูปแบบสมาร์ทซิตี้ การพัฒนาโครงการในรูปแบบโซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่าน แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (2559-2568)
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์