PFลั่นปี63รายได้พุ่ง3หมื่นล้าน ปีนี้รายได้โต 2.2 หมื่นล้าน จ่อเปิด 16 โครงการ
Loading

PFลั่นปี63รายได้พุ่ง3หมื่นล้าน ปีนี้รายได้โต 2.2 หมื่นล้าน จ่อเปิด 16 โครงการ

วันที่ : 22 กุมภาพันธ์ 2560
PFลั่นปี63รายได้พุ่ง3หมื่นล้าน ปีนี้รายได้โต 2.2 หมื่นล้าน จ่อเปิด 16 โครงการ

ปีนี้รายได้โต 2.2 หมื่นล้าน จ่อเปิด 16 โครงการ

 

“PF” ปักเป้าปี 63 รายได้พุ่ง 30,000 ล้านบาท ส่วนปี 60 ปั๊มรายได้โต 22,050 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อกรอบุ๊ค 4,000 ล้านบาท เล็งผุด 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 22,190 ล้านบาท ดันยอดขายปี 60 ตามนัด 18,300 ล้านบาท

 

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ในช่วง 4 ปีจากนี้ (ปี 2560-2563) บริษัทจะมีรายได้ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจาก PF ประมาณ 70% และจะมาจากบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND ประมาณ 30% และในปี 2563 GRAND จะมีจำนวนห้องพักประมาณ 3,000 ห้อง จากปัจจุบันที่มีกว่า 1,000 ห้อง โดยในปี 2563 สัดส่วนรายได้ประจำจะเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10%

 

สำหรับในปี 2560 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้จะเติบโตที่ระดับ 22,050 ล้านบาท โดยจะมาจากรายได้ของ PF ประมาณ 14,500 ล้านบาท, รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมของ GRAND ประมาณ 2,500 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจโรงแรมประมาณ 2,900 ล้านบาท, รายได้จากการขายที่ดินประมาณ 2,000 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจให้เช่าอีกประมาณ 150 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นจากโครงการแนวราบประมาณ 1,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ทั้งหมดในปี 2560 ทั้งหมด และจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 3,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2560 ประมาณ 80%

 

ขณะที่ในปี 2560 บริษัทมีนโยบายให้เพิ่มความสามารถในการทำกำไร โดยการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารให้มีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน ซึ่งตั้งเป้าอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (Net IBD/E) ให้อยู่ที่ระดับ 1.6 เท่า จาก ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ระดับ 1.96 เท่า

 

ส่วนเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2560 บริษัทตั้งไว้ที่ 18,300 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 22,190 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ จำนวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 14,252 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,938 ล้านบาท

 

นายชายนิด กล่าวอีกว่า ในปี 2560 บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้จากการขายที่ดินประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยมีแผนจะขายที่ดินจำนวน 3 แปลง ได้แก่ 1.ที่ดินในทำเลแจ้งวัฒนะ จำนวน 50 ไร่ มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท, 2.ที่ดินในทำเลลาดพร้าว จำนวน 6 ไร่ ราคา 270,000 บาทต่อตารางวา

 

3.อพาร์ตเมนต์ในจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา เบื้องต้นคาดจะมีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายที่ดินอยู่ที่ประมาณ 35% นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจะขายเงินลงทุนในโครงการดารา ฮาเบอร์ ที่ศรีราชา มูลค่า 130 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 65% ซึ่งจะขายให้กับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ในประเทศไทย คาดจะสามารถสรุปได้ภายในไตรมาส 1/60

 

ภาพรวมการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยเริ่มหาโอกาสจับมือกับพันธมิตรมากขึ้น เราเองคาดในปี 2560 จะเห็นการร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาผู้ประกอบการในประเทศ เพื่อลงทุนในธุรกิจค้าปลีกแห่งใหม่ จำนวน 4 แห่ง คาดได้ข้อสรุปภายในปี 2560 ส่วนพันธมิตรในต่างประเทศ ก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในญี่ปุ่น เพื่อจะเข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คาดจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้เช่นกันนายชายนิด กล่าว

 

ด้านงบลงทุนในปี 2560 บริษัทตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ใช้ซื้อที่ดินเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทยังคงมีความสนใจที่ดินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่าในมือ จำนวน 1,455.25 ไร่ มีมูลค่าตามบัญชีสุทธิ 5,878.72 ล้านบาท โดยที่ดินในมือดังกล่าวกระจายอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล รองรับการพัฒนโครงการใหม่ได้ในช่วง 5-6 ปี สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากการเพิ่มทุนจำนวน 1,300 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้เงินจากการเพิ่มทุนดังกล่าวแล้ว 1,000 ล้านบาท ส่วนอีก 300 ล้านบาท อยู่ระหว่างเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่ คาดจะได้ข้อสรุปภายในปี 2560 ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าวถือเป็นการเตรียมพร้อมในส่วนเงินทุน เพื่อรองรับการขยายการลงทุนและความเสี่ยงจากภาวะแวดล้อมภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้ รวมถึงมีแผนการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perp) วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะออกชุดแรกจำนวน 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น