แสนสิริ กางแผนธุรกิจปี60 ชูดีไซน์-นวัตกรรมรุกคอนโดฯ
ศักดิ์ชัย อินทร์จันทร์
ในปี 60 นับเป็นอีกปีที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถูกคาดหมายว่ายังอยู่ในภาวะทรงตัวไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นนักเนื่องจากยังเผชิญปัจจัยลบกดดันอยู่หลายด้านทั้งจากภาวะเศรษฐกิจไทยและโลกที่ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเกิน 80% รวมถึงระดับหนี้เสียของสถาบันการเงินที่ยังคงพุ่งไม่หยุดซึ่งได้บั่นทอนกำลังซื้อของภาคประชาชนระดับกลาง ระดับล่าง รวมถึงการปล่อยกู้ของธนาคารให้ประชาชนไปซื้อที่อยู่อาศัยได้ยากขึ้น
ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมต้องมีการปรับทัพวางกลยุทธ์แข่งขันกันใหม่เพื่อสร้างจุดขายนำพาธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์แวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยเช่นเดียวกับยักษ์ใหญ่ของวงการอย่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำเทรนด์ในการทำตลาดการออกแบบที่อยู่อาศัยมาตลอดในหลายปีหลังได้ออกมาเผยถึงแผนการรุกธุรกิจคอนโดมิเนียมในปีนี้อย่างน่าสนใจ
จับมือดีไซน์ระดับโลก
"อุทัย อุทัยแสงสุข" รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ฉายให้เห็นภาพธุรกิจคอนโดมิเนียมของแสนสิริว่า ในปี 60 นี้บริษัทยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาโดยเตรียมเปิด 8 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท อยู่ในกรุงเทพฯ 6 โครงการ และต่างจังหวัดอีก 2 โครงการ ซึ่งปีนี้แสนสิริจะเน้นเปิดตัวโครงการคอนโดฯระดับราคาสูงมากขึ้นเนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่ดีเห็นได้จากกว่า 40-50% ตัดสินใจซื้อโดยใช้เงินสดพร้อมโอนทันที ขณะที่ลูกค้ากลุ่มระดับกลางลงไปส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาสินเชื่อจากสถาบันการเงินและมีบางส่วนที่กู้ธนาคารไม่ผ่านแต่ไม่ค่อยเยอะนัก
สำหรับกลยุทธ์หลักที่ใช้นำพาธุรกิจจะเน้นการใส่นวัตกรรมใหม่สำหรับที่อยู่อาศัยควบคู่กับการออกแบบตกแต่งภายในให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยเป็นสำคัญซึ่งแสนสิริได้มีการเดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อร่วมมือกับ ยู ดีไซน์สตูดิโอ บริษัทดีไซน์ระดับโลก รวมถึง ฟิลิปป์ สตาร์ค นักออกแบบอัจฉริยะชื่อดังมาพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียม คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค มูลค่า 4,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ใจกลางซอยทองหล่อ 12 บนพื้นที่ 1 ไร่ เป็นอาคารสูง 27 ชั้น จำนวน 148 ห้อง ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท
โครงการนี้มีจุดเด่นในการออกแบบที่ผสมผสานความทันสมัย งานศิลปะ ความหรูหรา และการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เช่น หินอ่อน ปูนเปลือย ทองแดง หินขัด เข้าด้วยกันรวมถึงยังมีการเล่นตัดโทนสีการใช้เฟอร์นิเจอร์อุปกรณ์ตกแต่งที่มีรูปแบบเฉพาะเข้าไปรวมกับประโยชน์การใช้สอยอย่างลงตัว ซึ่งปัจจุบันแสนสิริได้เปิดให้จองแล้วมียอดเข้ามา 65% คาดก่อสร้างเสร็จและเข้าอยู่ได้ในเดือน ก.ค. 63
เหินฟ้าอังกฤษหาลู่ทาง
นอกจากความร่วมมือกับนักออกแบบระดับโลกการเดินทางไปเยือนอังกฤษ "แสนสิริ" ยังได้มองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ที่ต่างประเทศเพิ่มเติมด้วยหลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ 9 เอลวาสตัน เพลสคอนโดมิเนียม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหานครลอนดอนประเทศอังกฤษ เมื่อหลายปีก่อน โดย "เศรษฐา ทวีสิน" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เสริมว่า 'กำลังมองหาโครงการที่เหมาะสมอยู่ซึ่งรูปแบบจะเป็นโครงการคอนโดฯเก่าที่ยังทำไม่เสร็จหรือทำเสร็จแล้วเพื่อนำไปพัฒนาต่อให้พร้อมอยู่อาศัย แต่ขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่าจะเป็นที่ใดเพราะมีปัจจัยหลายส่วนที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจ ทั้งการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปค่าเงินปอนด์ที่ยังผันผวนซึ่งกระทบต่อราคาซื้อขายโครงการ แต่อย่างไรก็ดีแสนสิริไม่ได้ปิดกั้นและมองหาความร่วมมือใหม่เรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็จะใช้โอกาสนี้เสาะหานำเฟอร์นิเจอร์วัสดุของตกแต่งใหม่ ๆ จากต่างประเทศเข้ามาใช้ในโครงการต่าง ๆ ของแสนสิริในอนาคต"
นวัตกรรม-กุญแจสำเร็จ
อีกกุญแจสำคัญที่ช่วยนำธุรกิจของแสนสิริปีนี้ให้ประสบความสำเร็จคือ การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปใส่ในโครงการที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นผลการพัฒนาของบริษัทลูกสิริ เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งแสนสิริเข้าไปร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยในเดือน มี.ค.นี้จะเริ่มนำระบบสมาร์ทโฮมอินทิเกรชัน มาเปิดตัวในโครงการไนน์ตี้เอทไวร์เลส คอนโดมิเนียมเป็นที่แรกซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นโครงการคอนโดฯที่ดีที่สุดของไทยและอาเซียนบนถนนวิทยุ มูลค่ากว่า 8,700 ล้านบาท และถัดจากนั้นจะใช้เปิดตัวในโครงการ เดอะ เทอร์ทีไนน์ พร้อมกับมีการยกระดับโมบายแอพพลิเคชั่น Home Service ให้บริการแก่ลูกบ้านแสนสิริได้หลากหลายขึ้นหลังจากปัจจุบันมีการใช้งานแล้วกว่า 13,000 ราย ใน 135 โครงการ
สานต่อบีทีเอสเปิด 4 โครงการ
ส่วนแผนต่อยอดธุรกิจด้านอื่น "อุทัย" บอกว่า แสนสิริจะเน้น
การสานต่อความร่วมมือภายใต้บริษัทร่วม ทุนกับบีทีเอส โดยปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องอีก 4 โครงการ มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ภายใต้ชื่อโครงการ 'เดอะ โมนูเมนต์" และ 'เดอะ เบส" เช่นเดียวกับการรุกเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้นหลังประสบความสำเร็จอย่างสวยงามในปีที่ผ่านมาโดยจะเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ทั้งญี่ปุ่น ดูไบ และขยายฐานลูกค้าเดิมจากจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์เพิ่ม ซึ่งในเดือน มี.ค. นี้บริษัทเตรียมนำโครงการ เดอะไลน์ พหลฯประดิพัทธ์และโครงการ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 ไปทำตลาดเต็มรูปแบบในฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์และจีน ขณะที่คอนโดมิเนียมโครงการอื่นก็วางแผนไปโรดโชว์กับลูกค้าต่างชาติอีกต่อเนื่องโดยตั้งเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติในปีนี้ไว้ที่ 10,000 ล้านบาทเติบโตจากปีก่อนที่ขายได้ 5,400 ล้านบาท
"ปีนี้การเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์จะมีสัดส่วนมากขึ้นโดยเฉพาะในย่านทำเลสุขุมวิทและทองหล่อรวมถึงการบุกทำเลใหม่ที่บริษัทไม่เคยเปิดตัวมาก่อน เช่น ย่านเพชรเกษม ย่านสาทร และยังเตรียมเปิดตัว ดีคอนโดแคมปัส คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ราคา 1-3 ล้านบาท ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอีกด้วย ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดเล็งเปิดคอนโดมิเนียมในจังหวัดที่มีความต้องการดีอยู่ เช่น ในเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง"
จากกลยุทธ์ทั้งหมดนี้แสนสิริตั้งเป้าหมายในปี 60 จะเป็นปีที่บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัจจัยต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาโดยตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายคอนโดมิเนียมถึง 21,000 ล้านบาท และทำรายได้คอนโดมิเนียมไว้ที่ 13,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36% จากยอดขายรวมทั้งปี 36,000 ล้านบาท รวมถึงการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้สูงสุด.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์