ทุนจีนหอบเงินลงทุนอสังหาฯไทย
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล หรือ (โจนส์ แลง ลาซาลล์) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทจากประเทศจีนมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของไทยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ปริมาณการลงทุนในตลาดอสังหาฯ โดยนักลงทุนจีนยังมีให้ไม่มากนัก โดยรูปแบบการลงทุนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น เป็นการร่วมลงทุนกับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาโครงการใหม่ หรือการเข้าซื้อหุ้นขอบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย
"ที่เราเห็นๆ กันคือการเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาฯในไทยของนักลงทุนจากจีน คือโครงการบาบา บีช คลับ พังงา ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างบริษัท จุนฟา เรียล เอสเตท จำกัดจากประเทศจีนและบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วยห้องสูทพักอาศัย และบ้านพักตากอากาศ,โครงการรอยัลลี เดอะ เทอมินอล ภูเก็ต โดยรอยัล ลี เอสแซทจากจีน เป็นโครงการมิกซ์ยูส (ประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์หลายประเภท) และโครงการคอนโดมิเนียมความสูง 30 ชั้น อาร์ทีมิส สุขุมวิท 77 โดย China Tianchen Engineering Corporation ซึ่งมีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ"
นางสุพินท์ กล่าวว่า สำนักงานของ เจแอลแอล ทั้งในประเทศไทยและในประเทศ จีน ได้รับการติดต่อสอบถามจากนักลงทุน ถึงโอกาสในการลงทุนในกลุ่มอสังหาฯในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนจีนมีความสนใจสูงในตลาดอสังหาฯ ไทย อย่างไรก็ดี นักลงทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังค่อนข้างมาก และต้องการใช้เวลาในการพิจารณาทางเลือกต่างๆ ที่มีสำหรับการลงทุน รวมถึงศึกษาทำความเข้าใจ กับกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ นักลงทุนจีนกำลังเริ่มเข้าใจตลาดการลงทุนในอสังหาฯไทยมากขึ้น จึงเชื่อว่าน่าจะ มีการลงทุนเกิดขึ้นจริงมากขึ้นในเร็วๆ นี้
นายไมค์ แบทเชเลอร์ กรรมการ ผู้จัดการฝ่ายขายภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของเจแอลแอล กล่าวว่า โรงแรมเป็นตลาดอสังหาฯประเภทหนึ่งของไทยที่คาดว่าจะมีนักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุนมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากขณะนี้ มีเงินทุนปริมาณมหาศาลจากจีนหลั่งไหลเข้าไปลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และยังคงมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและกระจายความเสี่ยง ซึ่งไทยนับเป็นหนึ่งในตลาดโรงแรมที่น่าสนใจมากที่สุดในภูมิภาคนี้
"สอดคล้องกับรายงาน Global Capital Flows ฉบับล่าสุดของเจแอลแอลซึ่งระบุว่า ในปีที่ผ่านมา ทุนจีนมีการเข้า ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงธุรกิจและ ที่พักอาศัยในต่างประเทศมูลค่ารวมทั้งสิ้น 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อนหน้า" ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศที่นักลงทุนจีนเข้าลงทุน 90% เป็นที่ดิน อาคารสำนักงานและโรงแรม แต่สำหรับปี 2559 ที่ผ่านมา พบว่า โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม (อาทิ โรงงานและโกดัง) กลายเป็นอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศที่นักลงทุนจีนเข้าลงทุนมากที่สุด.
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา