ชิคฯเน้นเจาะลูกค้ากลาง-บนรองรับอสังหาฯปรับกลยุทธ์บุกบ้านแพง
"ชิค รีพับบลิค" เครื่องร้อนลุยทำตลาดปีไก่ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ากลาง-บน รับดีมานด์ตกแต่งบ้านใหม่ หลังผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ ขยับขึ้นโครงการบ้านราคาแพง หนีตลาดล่าง เหตุปัญหาหนี้ครัวเรือนกดกำลังซื้อหดตัว แบงก์เข้มปล่อยกู้ ตั้งเป้ายอดขายโต 5-10% เดินหน้าปั้นแบรนด์ "ริน่า เฮย์"
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด ผู้ให้บริการโฮมแฟชั่นสโตร์เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านสไตล์ยุโรปและอเมริกา กล่าวว่า ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไทยและโฮมแฟชั่นสโตร์ระดับกลางบน แม้ว่าเศรษฐกิจยังคงซบเซา แต่ด้วยกลุ่มลูกค้าของ ชิค รีพับบลิคฯ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อพร้อมจับจ่าย ขณะที่ผู้ประกอบอสังหาฯ ได้ปรับแผนงานและนโยบายทางธุรกิจโดยให้น้ำหนักพัฒนาโครงการเจาะตลาดกลางบนมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านกำลังซื้อที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งการปรับตัวของตลาดอสังหาฯถือเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรงของบริษัท
ทั้งนี้ ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ย 15-20% ส่วนในปี 60 ตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 5-10% เมื่อ เทียบกับยอดขาย 860 ล้านบาทในปี 59
"ในปีนี้บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากสาขาราชพฤกษ์ นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัว แบรนด์ใหม่ ริน่า เฮย์ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในสไตล์ "อินดัส เตรียล ลอฟท์" รองรับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยเริ่มทำงาน และกลุ่มสร้างครอบครัว โดยจะผลักดันแบรนด์ ริน่า เฮย์ ให้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งแผนการตลาดและแผนการลงทุนที่แยกจากแบรนด์ ชิค รีพับบลิค เพื่อมุ่งสร้างแบรนด์ให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว"
โดยคาดว่าไม่เกินไตรมาส 2 จะปรับเพิ่มพื้นที่ขายสินค้าแบรนด์ ริน่า เฮย์ ให้ครบ 3 สาขา และในอนาคตเตรียมเปิด Stand Alone Store เฉพาะแบรนด์ ริน่า เฮย์ ในหลายทำเล โดยมุ่งที่หัวเมืองใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงเป็นหลัก โดยการทำตลาดแบรนด์ ริน่า เฮย์ จะมุ่งเน้นการตลาดแบบดิจิตอล และการทำการตลาดแบบออนไลน์ ขณะที่แบรนด์ ชิค รีพับบลิค จะเดินหน้าบุกตลาดแบบ Digital Online ปัจจุบันได้เพิ่มช่องทางติดต่อลูกค้าทาง Facebook และ Social Media อื่นๆและเดินหน้าพัฒนาสู่การทำอีคอมเมิร์ซในเดือนมิ.ย.นี้
ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายฐานลูกค้าโครงการอสังหาฯ ไฮเอนด์เพิ่ม โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ 25-30 % และลูกค้าส่วนค้าปลีก 75% โดยอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการรายใหญ่
นอกจากนี้ เตรียมขยายสาขาเพิ่มใน กทม. อีก 1 สาขา และภายใน 2 ปี จะเปิดสาขาในต่างประเทศ ซึ่งพิจารณาในประเทศเวียดนาม แต่ติดเรื่องราคาที่ดิน และประเทศกัมพูชา ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร แต่ละสาขาคาดใช้งบลงทุน 200-300 ล้านบาท
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา