อสังหาฯแห่ขนสต๊อกขาย 248โครงการหรูเพิ่มรายได้ ผวาดอกกู้ขาขึ้นป่วนธุรกิจ
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การแข่งขันธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในปี 60 ค่อนข้างรุนแรง ทั้งการดำเนินกิจกรรมการตลาด และแข่งกันเปิดโครงการเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดและเร่งสะสมยอดรับซื้อรายได้ (แบล็กล็อก) โดยเอเซีย พลัส ได้รวบรวมข้อมูลบริษัทอสังหาฯ 17 ราย พบว่ามีแผนเปิดโครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้รวม 248 โครงการ เพิ่มจาก 198 โครงการในปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 3.56 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% มีทั้งโครงการที่เลื่อนจากปลายปีที่แล้ว และโครงการใหม่
"ปี 59 ตลาดอสังหาฯ ได้รับแรงกดดันจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในตลาดกลางและล่างที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งในช่วงปลายปีผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างเลื่อนเปิดโครงการใหม่ออกไป โดยเฉพาะในส่วนของคอนโดฯ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายและผู้ซื้อต่างชะลอการตัดสินใจ ส่งผลให้มีการนำสต๊อกปีก่อนมาเปิดในปีนี้ด้วยจนทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงเพื่อระบายสต๊อก แต่ในภาพรวมของการเปิดตัวโครงการต่าง ๆ จำนวนมาก คาดว่าธุรกิจกลุ่มนี้น่ามีรายได้เติบโต 11%"
นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการ อสังหาฯ ได้ปรับแผนตลาดเน้นกลุ่มตลาดบนและตลาดกลางมากขึ้น เพราะหวังลดความเสี่ยงจากผู้ซื้อตลาดกลางและล่างที่อาจมีปัญหากำลังซื้อและการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยเชื่อว่าแม้ว่าจะมีการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ ในการแข่งขันจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการยังไม่เน้นการลดราคาช่วงนี้มากนักเพราะหลังจากจองแล้วกว่าจะก่อสร้างเสร็จต้องใช้เวลา 2-3 ปี อย่างไรก็ตามปัจจัยที่บริษัทโบรกฯ กังวลน่าจะเป็นเรื่องของปริมาณที่อยู่อาศัย เช่น คอนโดฯ ที่เปิดตัวกันจำนวนมาก รวมถึงกังวลเรื่องการถูกปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าบางราย เพราะส่งผลต่อแผนรายได้และผลประกอบการของบริษัทเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามในที่สุดเชื่อว่าคงต้องใช้แผนการลดราคาลงเพื่อระบายสต๊อกออกมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้มีการประเมินว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทยมีแนวโน้มที่เข้าสู่ภาวะขาขึ้น ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจกับผู้ประกอบการอสังหาฯเช่นกัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น มีส่วนทำให้อัตราการถูกปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยมีมากขึ้นตามมาด้วย ขณะเดียวกันยังส่งผลให้การโอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ซื้อทำได้ยากขึ้น อีกทั้งปัจจุบันการบันทึกรายได้จากการขายจะทำ ได้เมื่อมีการโอนเท่านั้น
สำหรับธุรกิจอสังหาฯที่น่าสนใจในปีนี้ เช่น กลุ่มบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่คาดว่ามีกำไรในปี 60 เติบโต 21% หรือ 1,800 ล้านบาท จากแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมฯสูงถึง 553 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีการส่งมอบโครงการคอนโดฯใหม่มากถึง 10 โครงการ, บมจ. ศุภาลัย ในปี 60 ที่มีรายได้การขายอสังหาฯ ที่รับรู้รายได้แล้ว 56% และคาดว่ากำไรจะเติบโต 14% และ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่สุดในกลุ่มที่มีความมั่นคงทั้งฐานรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ เพื่อขายและเพื่อเช่าคาดว่าในปีนี้มีกำไรเพิ่มขึ้น 12% ซึ่งยังไม่ได้รวมแผนการขายโรงแรม 1 แห่ง เข้ากองทุนรีท ที่น่าจะรับรู้กำไรพิเศษ 1,000 ล้านบาท
รายงานข่าวจาก บล.กสิกรไทย ระบุว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของธุรกิจอสังหาฯมีการแข่งขันที่สูงและภาพรวมการเติบโตด้านกำไรอาจไม่เป็นใจ เนื่องจากความกังวลด้านอุปสงค์หรือความต้องการสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มระดับล่าง ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการในประเทศที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตามในปี 60 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 25.4% จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนควรให้ความสำคัญโดยเฉพาะโครงการคอนโดฯที่คาดว่าจะเปิดตัวจำนวนมากในปีนี้เพราะจะเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อภาพรวมการเติบโตในระยะยาว ซึ่งบริษัทจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวของโครงการใหม่ทั้งหมดจะส่งผล กระทบเชิงบวกหรือลบโดยตรงต่อราคาหุ้นของบริษัทพัฒนาอสังหาฯในช่วงการเปิดตัวโครงการ ้
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์