ศูนย์วิจัยศุภาลัยชี้คอนโดฯปี60ไปได้ดีรัชดาฯ-ลาดพร้าว-CBDแชมป์ทำเลฮอต
Loading

ศูนย์วิจัยศุภาลัยชี้คอนโดฯปี60ไปได้ดีรัชดาฯ-ลาดพร้าว-CBDแชมป์ทำเลฮอต

วันที่ : 24 เมษายน 2560
ศูนย์วิจัยศุภาลัยชี้คอนโดฯปี60ไปได้ดีรัชดาฯ-ลาดพร้าว-CBDแชมป์ทำเลฮอต


       
ศุภาลัยเปิดผลวิจัยยอดขายที่อยู่อาศัยปี 59 ที่อยู่อาศัยทุกประเภทขายเฉลี่ย 31% บ้านเดี่ยวขายเฉลี่ย 24% ทาวน์เฮาส์ 31% ขณะที่คอนโดฯ ร้อนแรงสุด 37% พร้อมชี้คอนโดฯ 3 ทำเลฮอต รัชดาฯ-ลาดพร้าว ใจกลางกรุงเทพฯ ธนบุรี ขณะที่บางนา-สมุทรปราการและตะวันตกเฉียงเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำเลดาวรุ่ง

          ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม กรรมการ ศูนย์วิจัย บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวประเมินว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 ยังทรงตัวต่อเนื่องจากปี 2559 และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ภาวการณ์ขายยังไปได้ดีในทุกเซกเมนต์  ซึ่ง ณ สิ้นปี 2559 พบว่ายอดขายของที่อยู่อาศัยทุกประเภทมีอัตรา 31% หรือมีอัตราการขายเฉลี่ยเดือนละ 2.6% ซึ่งหมายความว่า ผู้ประกอบการจะใช้เวลาขายประมาณ 3 ปีกว่าจึงจะสามารถปิดการขายได้ ซึ่งถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยปกติ แม้ตัวเลขดังกล่าวจะไม่ใช่อัตราที่นักลงทุนพอใจเท่าใดนัก แต่ถือว่าไม่ได้เลวร้าย ซึ่งตัวเลขการขายที่น่าห่วงคือระดับต่ำกว่า 20% โดยอัตราการขายที่อยู่อาศัยทุกประเภทในปี 59 ที่ระดับ 31% ถือว่าปรับลดลงจากปี 2558 ที่มีการขายเฉลี่ย 38% ปี 57 ขายเฉลี่ย 36% และปี 55-56 ขายเฉลี่ย 45% และปี 54 ขายเฉลี่ย 38%

          " คอนโดมิเนียมมียอดขายดีที่สุด คือ 37% ในขณะที่ทาวน์เฮาส์มียอดขายเฉลี่ย 31% ส่วนบ้านเดี่ยวยอดขายต่ำสุด 24% หรือมียอดขายเฉลี่ย ต่อเดือน 2% สำหรับในปี 60 จากแนวโน้มในช่วง 3 เดือนครึ่งที่ผ่านมาทำให้คาดว่าการขายจะไม่ต่ำไปกว่า"

          สำหรับทำเลที่มีความร้อนแรงที่สุดของตลาด คอนโดมิเนียมพบว่ามี 3 ทำเล ที่มีความร้อนแรงและมีแนวโน้มร้อนแรงต่อไปอีกในอนาคตอัน ใกล้ คือ ทำเลรัชดาฯ-ลาดพร้าว, กรุงเทพฯ ใจกลาง เมือง CBD  และเมืองเก่าธนบุรี เพราะเป็นทำเลที่มีผู้ประกอบการพัฒนาโครงการคอนโดฯมานาน จึงเป็นที่คุ้นเคยของผู้บริโภค โดยเฉพาะทำเลรัชดาฯ- ลาดพร้าว ซึ่งจากโครงการที่เปิดขายทั้งหมดพบว่า มี 50% ที่มีอัตราการขายได้ 7% ต่อเดือน หรือ 84% ต่อปี ส่วนอีก 50% จะมีอัตราการขายที่ 12.5% ต่อเดือนหรือสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 8 เดือน ขณะที่ย่านสะพานใหม่จะมีอัตราการขาย 8-10% ต่อโครงการต่อเดือน

          ส่วนทำเลดาวรุ่งที่เติบโตดีและเติบโตได้ดีมากในอนาคต ได้แก่ ทำเลบางนา - สมุทรปราการ ส่วนหนึ่งมาจากอานิสงส์การเปิดใช้ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวแบริ่ง-สมุทรปราการ และทำเลตะวันตกเฉียงเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำเลนี้มีอัตราการขายประมาณ 6-8% ต่อเดือน หรือ 60-80% ต่อปี หากผู้ประกอบการรายใดต้องการพัฒนาโครงการแล้วมียอดขายที่ดี ก็ควรรีบหาซื้อที่ดินในทำเลดังกล่าว

          ทั้งนี้ ที่อยู่อาศัยระดับราคาประมาณ 1-5 ล้านบาท จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป คือจะซื้อที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานหรือทำงานที่อยู่ใกล้กับบ้านของตนเอง พิจารณาได้จากในอดีตคนย่านบางบัวทองกว่า 80% จะเดินทางเข้ามาเมืองเพื่อทำงาน แต่ปัจจุบันมีเพียง 20% เท่านั้น โดยพื้นที่ย่านนครอินทร์ บางบัวทอง ที่ส่วนใหญ่พัฒนาโครงการประเภทแนวราบ จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากที่สุด

          นอกจากนี้ยังพบว่า โครงการคอนโดมิเนียมที่ขายดี ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น แต่กระจายไปที่บริษัทอสังหาฯ ทุกขนาด ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า ภาวะการขายที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากผู้ประกอบการกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือรายใดรายหนึ่ง ส่วนทาวน์เฮาส์จะยังคงมีอัตราการ ขายได้อย่างต่อเนื่องแต่ไม่สูงเท่าคอนโดมิเนียม ขณะที่บ้านเดี่ยวจะเป็นประเภทที่อัตราการขายช้าที่สุด เนื่องจากบางทำเลมีผู้ประกอบการเข้าไปพัฒนากันมากเกินความต้องการนั่นเอง ทำให้มีอัตราการขายเพียง 1-2% ต่อเดือนเท่านั้น

          "โดยรวมแล้วไม่มีทำเลไหนน่าเป็นห่วง แม้ว่าจะมีบางทำเลจะมีโครงการของผู้ประกอบการที่ไม่ประสบความสำเร็จอยู่บ้าง คือ มีอัตราการขายประมาณ 2.5% ต่อปี แต่ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้าย ซึ่งการวิเคราะห์ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยคงไม่สามารถ อิงความรู้สึกของผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่ง แต่จะต้องดูจากข้อมูลที่ครอบคลุมตลาดทั้งหมด จึงจะได้ข้อสรุปที่ใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด" ดร.ประศาสน์ กล่าว

ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ