อสังหาฯเปิดศึกไตรมาส2 โหมผุดที่อยู่อาศัยแนวราบ-สูงพรึ่บ ชูราคาบ้านไม่ปรับตามต้นทุนพุ่ง
เอกชนแห่ลงทุนเปิดโครงการใหม่เชื่อมั่นไตรมาส 2 แนวโน้มสดใสเศรษฐกิจฟื้นได้แรงหนุนการลงทุนภาครัฐ
ในช่วงไตรมาส 2 โดยเฉพาะหลัง ช่วงหยุดยาวจากเทศกาลสงกรานต์ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มเคลื่อนไหวคึกคักอีกรอบจากการเปิดโครงการใหม่ และกิจกรรมกระตุ้นตลาด โดยมีผู้ประกอบการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่หลายราย เช่น บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 17 โครงการมูลค่ารวม 7,841 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 9 โครงการ มูลค่า 7,841 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่า 5,368 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 2,730 ล้านบาท
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จ่อเปิดตัว 4 โครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโด 2 โครงการมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท บ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,650 ล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 60 ทำเล
บริษัท แสนสิริ มีแผนจะเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.26 หมื่นล้านบาท และบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ มีแผนจะเปิดตัว 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,150 ล้านบาท บริษัท ศุภาลัย เตรียมเปิดตัวโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท เป็นต้น
นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยถึงทิศทางตลาดอสังหาฯ ในไตรมาส 2 ของปี 2560 ว่าน่าจะเติบโตจากไตรมาสแรกเนื่องจากมีความชัดเจนในหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผลักดันให้เศรษฐกิจประเทศขับเคลื่อน การมีรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นต้น
ทั้งนี้ อสังหาฯ เติบโตตามเศรษฐกิจ โดยรวมของประเทศอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังจะได้เห็นการเปิดพื้นที่ทำเลใหม่ๆ ตามการขยายโครงข่ายคมนาคมขนส่ง ส่วนราคาบ้านจะยังไม่แพงเพราะต้นทุน เช่น วัสดุก่อสร้าง ราคาน้ำมันและค่าแรงงานมีการปรับแต่ไม่มาก
สำหรับตลาดแนวราบคาดว่าทั้งปี จะมีประมาณ 4 หมื่นหน่วย ซึ่งต้องติดตามเพราะโครงการที่เปิดตัวใหม่เริ่มขยายไป ในพื้นที่ที่เป็นแนวของโครงข่ายรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายอีกทั้งผู้ประกอบการหันมา ทำตลาดในแนวราบมากขึ้น ซึ่งทาวน์เฮาส์ เป็นตลาดที่ถูกจับตามอง เพราะมีการปรับโครงสร้างเร็วด้วยต้นทุนจากราคาที่ดินที่ปรับสูงขึ้นทุกปี
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ด้วยความชัดเจนในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะแผนการลงทุนภาครัฐ ซึ่งได้สร้างความเชื่อทั้งในส่วนภาคเอกชนและผู้บริโภค เชื่อว่าไตรมาส 2 ตลาดจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยคาดว่าตลาดรวมปีนี้น่าจะโตได้ 3-5% แม้ว่าซัพพลายคอนโดยังมีอยู่พอสมควร ซึ่งมีอยู่ราว 5 หมื่นยูนิต กระจายทั่วไป เช่น นนทบุรี-บางใหญ่ ในแนวรถ ไฟฟ้าสายสีม่วง และบางนา-ตราด เป็นต้น คาดว่าจะระบายใน 1 ปีถึงปีครึ่ง
นอกจากนี้ มั่นใจว่าตลาดแนวราบ ราคา 2 ล้านบาท ยังเติบโตได้ดีโดยตลาดทาวน์เฮาส์ระดับราคา 1.5-3.5 ล้านบาท ที่ปีนี้มีสัดส่วนในตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง คาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า จะสามารถ แซงหน้าตลาดบ้านเดี่ยว เนื่องจากราคาที่ดินมีการปรับตัวอย่างมาก ทำให้ต้นทุนบ้านเพิ่มขึ้น บ้านเดี่ยวในเมืองราคา 3 ล้านบาท จะหายไป และกำลังซื้อจะเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์มากขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์