สำรวจ เรียลดีมานด์ บ้าน-คอนโดระดับกลางยังแกร่ง
แม้ตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาสแรก คาบเกี่ยวถึงไตรมาส 2 จะมีสถานการณ์ที่ดีกว่าปีที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของกำลังซื้อก็ยังไม่กลับมาอยู่ในภาวะปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลาง-ล่างที่ยังมีปัญหาภาระหนี้ติดตัว ขณะที่กำลังซื้อระดับบนแม้จะยังคงแข็งแกร่ง แต่ก็มีจำนวนไม่มากพอ และยังต้องช่วงชิงกับคู่แข่งขันที่หันมารุกตลาดระดับบนกันอย่างหนักหน่วง สุดท้ายก็ต้องกลับมาปลุกปั้นกับกำลังซื้อกลุ่มระดับกลาง-ล่างที่เป็นฐานตลาดใหญ่สุด
จากงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 36 ที่จัดเมื่อวันที่ 9-12 มี.ค.ที่ผ่านมา สามารถสะท้อนภาพกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่ในตลาดในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี โดย 3 สมาคมซึ่งได้แก่ สมาคมอาคารชุดไทย ในฐานะเจ้าภาพ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ร่วมกับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ทำการสำรวจความต้องการซื้อจากผู้ลงทะเบียนร่วมงาน และยังมีการสำรวจเจาะลึกไปยังกลุ่มผู้ซื้อบ้าน โดยพบว่า ความต้องการซื้อบ้านระดับกลางยังเป็นตลาดที่มองข้ามไปไม่ได้
ผลสำรวจระบุว่า ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากงานมีช่วงอายุ 21-40 ปี เป็นส่วนใหญ่ และเป็นกลุ่มคนที่ทำงานบริษัทเอกชน โดยกลุ่มที่ตัดสินใจซื้อหลักๆ จะมีช่วงอายุ 31-40 ปี และส่วนใหญ่ยังโสด ขณะที่วัตถุประสงค์หลักในการซื้อ ส่วนใหญ่ซื้อเพื่อต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง และซื้อเพื่อแยกครอบครัว
ด้านความสนใจที่อยู่อาศัย คนส่วนใหญ่สนใจซื้อบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมมากที่สุด แต่เมื่อซื้อจริงปรากฏว่าคอนโดมิเนียมยังเป็นที่อยู่อาศัยที่ตัดสินใจซื้อมากที่สุด หรือกว่า 50% รองลงมาคือ ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว ในสัดส่วน 25% และ 18% ตามลำดับ
ทั้งนี้ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจบ้านเดี่ยว แต่เมื่อซื้อจริงซึ่งต้องคำนึงถึง รายได้และความสามารถในการซื้อ ซึ่งคอนโด มิเนียมและทาวน์เฮาส์ ถือเป็นที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับรายได้มากที่สุด โดยพบว่า ที่อยู่อาศัยที่ซื้อส่วนใหญ่ราคา 1-1.99 ล้านบาท และ 2-2.99 ล้านบาท รวมกันกว่า 60% แต่ถ้ารวมที่อยู่อาศัยราคา 3-3.99 ล้านบาทด้วย จะสูงถึง 87%
สำหรับทำเลที่ส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ได้แก่ ทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า รองลงมาคือ ทำเลใกล้ที่ทำงาน และใกล้สถานศึกษา
หากพิจารณาถึงระดับราคาของที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทที่ตัดสินใจซื้อจะพบว่า คอนโดมิเนียม ราคา 2-2.99 ล้านบาท มีการซื้อมากที่สุด 37% รองลงมาอยู่ที่ระดับราคา 1-1.99 ล้านบาท 33% และ 3-3.99 ล้านบาท 21% ขณะที่ ทาวน์เฮาส์ราคา 1-1.99 ล้านบาท มีการซื้อมากที่สุดสูงถึง 65% รองลงมาเป็นราคา 2-2.99 ล้านบาท 28% และ 3-3.99 ล้านบาท 6% ส่วนบ้านเดี่ยวราคา 3-3.99 ล้านบาท และราคา 4-5.99 ล้านบาท มีการซื้อในสัดส่วน 33% เท่าๆ กัน รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยวราคา 2-2.99 ล้านบาท สัดส่วน 13%
ขณะที่ คนที่ซื้อคอนโดมิเนียมเป็นกลุ่มคนอายุ 31-40 ปีมากที่สุด 49% รองลงมาเป็นกลุ่มคนอายุ 21-30 ปี ในสัดส่วน 26% และ 41-50 ปี 14% ส่วนคนที่ซื้อ ทาวน์เฮาส์เป็นกลุ่มคนอายุ 21-30 ปี มากที่สุด 37% รองลงมาเป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 31-40 ปี และ 41-50 ปี ในสัดส่วนที่เท่าๆ กันที่ 28% สำหรับคนที่ซื้อบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่มีอายุ 31-40 ปี โดยมีสัดส่วนสูงถึง 46% รองลงมาคือกลุ่มคนที่มีอายุ 20-30 ปี 26% และอายุ 41-50 ปี 20%
ทางด้านปัจจัยสนับสนุนในการตัดสินใจซื้อ ผู้ซื้อยังให้ความสำคัญกับโปรดักต์ โดยอันดับ 1 ที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจซื้อ คือ การจัดการพื้นที่ใช้สอยภายในลงตัว และสอดคล้องกับความต้องการ อันดับ 2 ได้แก่ ส่วนลด การแจก แถม โปรโมชั่นพิเศษ ที่น่าสนใจอันดับ 3 คือ บริษัทที่มั่นคงและ น่าเชื่อถือ อันดับ 4 มีข้อเสนอเงื่อนไขการผ่อนดาวน์ และการชำระเงินที่ช่วยลดภาระการเงินลูกค้า และอันดับ 5 มีสินค้าหลายราคาให้เลือกซื้อตามงบประมาณของลูกค้า
นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบว่าช่องทางที่ลูกค้าจะได้รับข้อมูลรายละเอียดโครงการมาจากสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กที่เข้ามามีอิทธิพลมากที่สุด รองลงมาคือ ลูกค้ายังคงใช้วิธีการไปเยี่ยมชมที่ไซต์โครงการ และการได้รับข้อมูลทางอีเมล เป็นอันดับ 3 ในสัดส่วนที่ไม่ห่างจากการไปไซต์โครงการมากนัก
จะเห็นได้ว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยหลักๆ ยังคงหนีไม่พ้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ซึ่งแม้วันนี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่แข็งแรงนัก แต่ถ้าสามารถหาตัวช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ ตลาดจะกลับมาคึกคักยิ่งกว่านี้แน่
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์