"ตราเสือ" แก้เกมตลาดปูนซีเมนต์ ไตรมาสแรกทรงตัว ชูสินค้านวัตกรรม ดันยอดขาย ล่าสุดเปิดตัวปูนฉาบ หวัง ยอดขายโต 12% ใน 5 ปี   ผนึกธุรกิจรับสร้างบ้าน –นักพัฒนาอสังหาฯทำตลาด

นายนิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ กลุ่มธุรกิจ เอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีครบรอบ 100 ปี ของตราเสือ แบรนด์ในเครือเอสซีจี ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมปูนซีเมนต์ รวมถึงการพัฒนาสินค้าใหม่ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด เปิดตัวสินค้า เสือ มอร์ตาร์ สูตรแพลทินัม เอ็กซ์เพิร์ท ปูนซีเมนต์ ผสมสำหรับงานฉาบ โดยตั้งเป้าหมายว่าสินค้าใหม่จะช่วยผลักดันยอดขายให้ ปูนตราเสือ มอร์ตาร์เติบโตได้ราว 12% ภายในระยะเวลา 5 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะนำสินค้าตัวใหม่นี้ เข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ เช่น ลาว กัมพูชา ภายในปลายปีนี้ ทั้งยังเตรียมพัฒนาสินค้านวัตกรรมอีก 4-5 รายการ ออกมาทำตลาดในปีนี้เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการแก้ไขปัญหางานซ่อมแซมอาคาร ที่อยู่อาศัย

ทั้งนี้ เสือ มอร์ตาร์ สูตรแพลทินัม เอ็กซ์เพิร์ท เป็นนวัตกรรมปูนซีเมนต์ สำเร็จรูปสำหรับงานฉาบ แก้ไขปัญหาผนังแตกร้าว มีคุณสมบัติเนื้อปูนแห้งเร็ว โมเลกุลยืดหยุ่น  โดยเริ่มนำสินค้ารุ่นดังกล่าวทดลอง ทำตลาดมากว่า 2 ปีแล้ว ได้รับการตอบรับ ที่ดีจากช่างซ่อมแซมที่ใช้งานปูนชนิดนี้ ซึ่งทีมวิจัยและพัฒนาของบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาปูนฉาบแตกร้าวที่ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากแสงแดด และแรงลม รวมถึงการสูญเสียน้ำเร็วเกินไป

ส่วนการทำตลาดสินค้าใหม่อย่าง เป็นทางการปีนี้ ในช่วงแรกจะทำผ่าน ความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้าง ความมั่นใจให้ลูกค้าและเจ้าของบ้าน ที่ใช้ปูนเสือ มอร์ตาร์ สูตรแพลทินัมฯ

โดยจะเริ่มทำตลาดกับ 6 พันธมิตร รับสร้างบ้านของปูนตราเสือ ประกอบด้วย บริษัท พีดี เฮ้าส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ริชชี่ เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท อยุธยา รับสร้างบ้าน จำกัด, บริษัท อาร์ตเทคโฮม จำกัด, บริษัท โฮม ดีเวลอป จำกัด และ บริษัท โฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ จำกัด และ จากนั้นจะทยอยร่วมมือทำตลาดผ่าน กลุ่มโครงการใหญ่และดีเวลลอปเปอร์อื่นๆ ในตลาด ในปัจจุบันสินค้าปูนซีเมนต์ที่มี หลากหลายแบรนด์ภายใต้เครือปูน ตราเสือ ได้แก่ ตราเสือ ตราเสือมอร์ตาร์ ตราเสือ เดคอร์ มีปริมาณการขาย รวม กว่า 4 ล้านตันต่อปี จากตลาดปูนซีเมนต์ ผสมสำหรับงานฉาบรวมอยู่ที่ประมาณ 7-12 ล้านตันต่อปี

โดยทั่วไปตลาดปูนฉาบนี้มักจะมี มูลค่าใกล้เคียงปีก่อน โดยในช่วงไตรมาสแรก ภาพรวมตลาดก็ยังไม่ได้เติบโต มากนักและอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว ทำให้บริษัทต้องขยับแบรนด์มาสู่กลุ่มสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่ม หรือ HVA (High Value Added) มากขึ้น

ไตรมาสแรกตลาดค่อนข้างทรงตัว ทำให้ต้องดันสินค้ามูลค่าเพิ่ม เพิ่มยอดขาย

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ