สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศชี้อุตสาหกรรมก่อสร้างมาเลเซียปีนี้โตกว่า 1.7 แสนล้านริงกิต แนะผู้ประกอบการไทยเปิดตลาดธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม

          สคร.ชี้อุตสาหกรรมก่อสร้างมาเลเซียปีนี้โตกว่า 1.7 แสนล้านริงกิต แนะโอกาสผู้ประกอบการไทยเปิดตลาดธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม

          น.ส.พัดชา วุฒิพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) กระทรวงพาณิชย์ ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างในมาเลเซียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างของมาเลเซียคาดว่าปีนี้อุตสาหกรรมก่อสร้างของมาเลเซียจะมีมูลค่ารวม 1.7 แสนล้านริงกิต เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8% จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการสร้างความร่วมมือหรือเป็นหุ้นส่วนกับนักธุรกิจในพื้นที่ เพื่อเปิดตลาดธุรกิจบริการด้านวิศวกรรมในประเทศมาเลเซีย

          ทั้งนี้ การขยายตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างของมาเลเซียที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้น มาจากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเลียม โครงการก่อสร้างทางรถไฟ โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกัวลาลัมเปอร์สิงคโปร์ โครงการไฮเวย์เชื่อมระหว่างรัฐซาราวักกับรัฐซาบาห์ โครงการทางยกระดับ โครงการทางด่วนฝั่งตะวันตก และโครงการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งที่ 2 รวมทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนมาก

          "โครงการลงทุนก่อสร้างต่างๆ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมของมาเลเซีย อีกทั้งอุตสาหกรรมก่อสร้างยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของมาเลเซียปีนี้โต 4.3-4.8% ได้" น.ส.พัดชา กล่าว

          นอกจากนี้ การลงทุนจากภาคเอกชนก็เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างให้เติบโต เนื่องจากมีผู้ประกอบการก่อสร้างของมาเลเซียบางรายที่ออกไปประมูลงานโครงการก่อสร้างในต่างประเทศด้วย เช่น โครงการพัฒนาทางหลวงระยะทาง 3,000 กิโลเมตร ในรัฐราชาสถานของอินเดีย มูลค่าเงินลงทุน 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ

          ขณะเดียวกัน กระทรวงโยธาธิการของมาเลเซียยังอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนด้านอุตสาหกรรม 5 ปี (พ.ศ. 2559-2563) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างและปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมก่อสร้างของมาเลเซียให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2563

          น.ส.พัดชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้รัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และมีการริเริ่มโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก เพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของชุมชนเมืองที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

          อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมาเลเซียมีปัญหาขาดแคลนวิศวกรที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รวมทั้งวิศวกรที่ปรึกษาด้านการก่อสร้างให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะในรัฐซาราวักและรัฐซาบาห์ ทั้งนี้มาเลเซียมีวิศวกรที่ปรึกษาจำนวน 5 แสนคน ซึ่งไม่เพียงพอต่อโครงการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าวทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสาขาวิชาชีพจึงจำเป็นต้องหารือกันเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่ยังมีอยู่ผ่านกรอบความร่วมมือด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานในอาเซียน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อเป็นการเปิดช่องให้วิศวกรไทยสามารถออกไปรับงานในประเทศมาเลเซีย รวมทั้งประเทศอื่นๆ ในอาเซียนได้

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์